น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX - World of Food ASIA 2012 ว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบายในการขยายบทบาทให้ธุรกิจการเกษตรและอาหาร เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าที่มีศักยภาพ รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) และข้อตกลงการค้าเสรี
ทั้งนี้ จะมีการเน้นยุทธศาสตร์สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ การผลักดันยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก และยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการตลาดฮาลาลสู่สากล เพื่อให้การส่งออกสินค้าอาหารไทยขยายตัวตามเป้าหมายที่วางไว้
"อุตสาหกรรมอาหารเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญที่สร้างรายได้เฉลี่ยปีละกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้ในช่วงที่ต้องเผชิญกับภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกโดยรวม แต่สินค้าอาหารก็ยังเป็นสินค้าหลักที่สร้างรายได้เข้าประเทศ และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในเกือบทุกสินค้า" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกสินค้าไทยปี 55 จะยังขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 15% จากปีก่อน แม้ในช่วงไตรมาสแรกจะติดลบ 3.92% โดยเชื่อว่าจะมีอัตราการขยายตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนพ.ค.นี้เป็นต้นไป หลังจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่จะกลับมาผลิตได้เต็มกำลังทั้ง 100%
"มั่นใจว่ากลุ่มสินค้าอาหาร สินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวจะมีส่วนทำให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้น และเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนสถานการณ์หนี้ในยุโรปนั้น น่าจะมีปัญหาทำให้บางสินค้าส่งออกชะลอลงเท่านั้น แต่สินค้าอาหารน่าจะไม่ได้รับผลกระทบ โดยจะผลักการส่งออกไก่สดไทยให้มากขึ้น หลังจากที่ยุโรปได้ยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่ไทย คาดว่าน่าจะส่งออกไก่สดไปยุโรปได้สูงถึง 100,000 ตันในปีนี้" รมว.พาณิชย์ กล่าว