รายงานข่าวจากสำนักงานโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาและสร้างมาตรฐานในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่เหมาะสมและเป็นธรรม มีการกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต
นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวยังกำหนดมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภคที่เหมาะสมอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมต่อไป
สำหรับสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ประกอบด้วย 1.เพื่อให้กฎหมายกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตเป็นมาตรฐานเดียวกัน เนื่องจากในปัจจุบันกฎหมายที่ใช้ในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตยังไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันกล่าว คือ ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่เป็นสถาบันการเงินจะถูกกำกับดูแล โดย พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551
ส่วนผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงินหรือที่เรียกว่า Non-Bank จะถูกกำกับดูแลโดยประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58
2.การกำหนดมาตรการให้การคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตมีหน้าที่แจ้ง เปิดเผยหรือให้ข้อมูลแก่ผู้ถือบัตร การห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรก่อนถึงวันครบชำระตามสัญญา ให้ผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ป้องกันมิให้ผู้อื่นนำข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือบัตรไปใช้โดยฉ้อฉล และการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้มีศูนย์บริการลูกค้า การรับพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต หรือกรณีอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองแก่ผู้ถือบัตร เป็นต้น
3.กำหนดให้การรับส่งข้อมูลธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศผ่านศูนย์กลางหรือจุดเชื่อมต่อรับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดตั้งภายในประเทศ(Local Switching)ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภคในการประกอบกิจการและการใช้บริการบัตรเครดิต