ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า การส่งออกของไทยไปจีนเดือนเม.ย.55 ขยายตัว 16.5% ซึ่งถือว่าตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือน คิดเป็นมูลค่าที่ 2,185.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากที่ขยายตัวเพียง 1.4% ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นกลุ่มที่ผลักดันให้การส่งออกไทยไปจีนเติบโตเร่งตัวขึ้น และเป็นผลจากฐานเปรียบเทียบในปีก่อนที่อยู่ในระดับต่ำตามผลพวงจากเหตุสึนามิในญี่ปุ่นทำให้ภาคการผลิตและการส่งออกของไทยในเดือนเม.ย.54 สะดุดลง
ทั้งนี้ แม้ว่าการส่งออกของไทยไปจีนในเดือนเม.ย.55 ขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน แต่อาจเป็นเพียงภาพลวงตาเนื่องจากการขยายตัวดังกล่าวได้อานิสงส์จากฐานเปรียบเทียบในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับต่ำ เพราะการแผ่วตัวลงของเศรษฐกิจจีนในระยะข้างหน้าย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยไปจีนเติบโตช้าลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2/55 อาจขยายตัวต่ำกว่า 8% ชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่เติบโตในอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีที่ 8.1% ดังนั้นจึงยังต้องอาศัยมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อประคับประคองให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้นในระยะต่อไป
อย่างไรก็ดี ตลาดจีนน่าจะยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงกว่าตลาดอื่นๆ ที่อ่อนไหวต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่าการส่งออกไทยไปจีนในปีนี้น่าจะยังรักษาระดับเติบโตในแดนบวกได้ที่ 10-15 โดยจีนจะยังคงเป็นตลาดส่งออกหลักอันดับ 1 ของไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
ส่วนในระยะข้างหน้ายังคงจำเป็นต้องจับตามองต่อไปว่า นโยบายที่รัฐบาลจีนประกาศเพื่อกระตุ้นภาคเศรษฐกิจนั้นจะมีผลช่วยให้เศรษฐกิจในภาพรวมดีขึ้นมากน้อยเพียงใด หากยังคงดำเนินไปในทางอ่อนแรง ในท้ายที่สุดอาจกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทยที่พึ่งพาการส่งออกไปจีนเป็นเครื่องพยุงภาพรวมการค้าของไทยในภาวะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนข้างอ่อนแรงและสหภาพยุโรปที่ถดถอยหนักมากขึ้น