นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เชื่อว่า การส่งออกของไทยในปีนี้คงไม่สามารถเติบโตได้ถึง 15% ตามที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาภาคเอกชนเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวของภาคการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยต้องยอมรับว่าวิกฤติหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป(อียู) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกขยายตัวลดลง หากปัญหาลุกลามบานปลาย การส่งออกของไทยปีนี้จะขยายตัวเพียง 7-9% เท่านั้น
"แม้ว่าสัดส่วนการส่งออกของไทยไปยุโรปจะน้อย แต่จะมีผลกระทบทางอ้อมกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบมาก แต่หากเหตุการณ์ไม่รุนแรงเกินไปการส่งออกของประเทศไทยน่าจะสามารถขยายตัวได้สัก 11%" รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวโดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี การส่งออกขยายตัวเฉลี่ยเพียง 3.8% เท่านั้น ซึ่งหากจะให้การส่งออกเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 15% จะต้องทำให้การส่งออกที่เหลืออีก 8 เดือน ขยายตัวไม่ต่ำกว่าเดือนละ 23.5% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกถึง 23,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
นายธนิต ยังว่า กลุ่มประเทศ CLMV หรือ ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่ภาคเอกชนไทย ควรหันไปลงทุนให้มากขึ้น เพราะมีต้นทุนค่าแรงที่ต่ำกว่าประเทศไทย -3 เท่า นอกจากนี้ CLMV ยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ในการส่งออกจากประเทศต่างๆ อีกมาก รวมทั้งจะเป็นการลดความเสี่ยงจากปัญหาวิกฤติหนี้ในสหภาพยุโรป ปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ และนโยบายของรัฐบาลในเรื่องของการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำได้ เพราะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่สูงขึ้นถือเป็นต้นทุนสำคัญของภาคเอกชน