กบง.เบรกเก็บเงินเข้ากองทุนฯเพิ่ม หลังราคาตลาดโลกผันผวน, ปรับลดราคาซื้อมันเส้น

นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมมีมติไม่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในผันผวน ล่าสุดราคาน้ำมันล่วงหน้าที่ตลาดสิงคโปร์ปรับขึ้นมา 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดรับข่าวอียูตอบรับที่จะช่วยการเงินต่อสเปน ทำให้คาดการณ์ว่าการใช้น้ำมันจะไม่ถดถอยมากเกินไป

ทั้งนี้ กบง.ได้เห็นชอบราคารับซื้อมันเส้นเพื่อนำมาผลิตเป็นเอทานอลในราคาประมาณ 7,316.50 บาท/ตัน จากที่ทางองค์การคลังสินค้า (อคส.) เสนอมาที่ประมาณ 7,947.97 บาท/ตัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นราคาต้นทุนที่แท้จริงไม่รวมอัตราดอกเบี้ย และราคาคลังจัดเก็บของ อคส.ซึ่งจะไม่สร้างภาระต่อกองทุนน้ำมันฯมากเกินไป ซึ่งในขณะนี้ต้นทุนจากมันสำปะหลังมีต้นทุนสูงกว่าถึง 6.70 บาท/ลิตร โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงการรับจำนำมันสำปะหลังของรัฐบาลที่ราคา 2.90 บาท/กก.

โดยโครงการรับซื้อมันเส้นนี้เป็นไปตามมติ ครม.ที่ให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสนับสนุนการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังด้วยการให้เงินช่วยเหลือราคาส่วนต่างระหว่างการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังและกากน้ำมันหรือโมลาสให้แก่ผู้ค้ามาตรา 7 ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) บมจ.ไทยออยล์ (TOP)

ด้านนายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้เอทานอลเพื่อการผลิตเป็นน้ำมัน 1.3 ล้านลิตร/วัน โดยร้อยละ 80 — 85 หรือประมาณ 9 แสนลิตร/วัน ผลิตจากกากน้ำตาล ส่วนที่เหลืออีกประมาณ ร้อยละ 15- 20 หรือ 2 แสนลิตร/วัน ผลิตจากมันสำปะหลัง แต่เนื่องจากราคาต้นทุนผลิตจากมันสูงกว่ากากน้ำตาล จึงทำให้ผู้ค้าน้ำมันไม่สามารถรับซื้อเอทานอลจากมันได้ รัฐบาลจึงให้กองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยเหลือรับซื้อ โดยการให้ผู้ค้ามาตรา 7 เข้าไปรับซื้อเอทานอลจากโรงงานมันในราคาสูงกว่า กากน้ำตาลประมาณ 67 สตางค์/ลิตร กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการในเดือนกันยายนในปริมาณ 24.4 ล้านลิตร ใช้เงินรวม 180 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการใช้มันเส้นเพื่อเป็นวัตถุดิบประมาณ 7.5 หมื่นตัน หรือผลิตเอทานอลได้เกือบ 1 แสนลิตร/วัน