รายงานของสถาบันวิจัยงบประมาณของอังกฤษระบุว่า รายได้ภาคครัวเรือนของอังกฤษลดลง 7.8% ในระหว่างปี 2550-53 อันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลกนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นตั้นมา
นายโจนาธาน คริบบ์ นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันซึ่งดำเนินการวิจัยในเรื่องดังกล่าวระบุว่า นอกเหนือไปจากตัวเลขดังกล่าวแล้ว ชาวอังกฤษยังมีรายได้ลดลงทั้งในส่วนของรายได้รวมและรายได้สุทธิในระหว่างปี 2553-54
นายคริบบ์กล่าวเสริมว่า สาเหตุที่รายได้ลดลงในช่วงหลังเกิดจากการนโยบายสวัสดิการและการลดหย่อนภาษีในช่วงที่เกิดวิกฤตได้หมดอายุลงและถูกยกเลิกโดยรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ในเดือนพฤษภาคม 2553
นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติยังบ่งชี้ว่า ชาวอังกฤษจะมีรายได้ต่ำกว่าในปี 2546 ไปอีกหลายปี
“ดูเหมือนว่ารายได้ของภาคครัวเรือนจะยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดติดต่อกันไปอีกหลายปี นอกจากว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นจนเกินคาด" นายคริบบ์กล่าว
รายงาน Living Standards, Poverty and Inequality in the UK: 2012 ระบุว่า รายได้เฉลี่ยของภาคครัวเรือนอังกฤษ (ก่อนจ่ายภาษีและขอรับสวิสดิการ) ลดลง 1.1% ในระหว่างปี 2551-52, 2.8% ในระหว่างปี 2552-53 และ 4.1% ในระหว่างปี 2553-54 และลดลงทั้งหมด 7.8% จากช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลก
ทั้งนี้ อังกฤษเป็นประเทศล่าสุดในกลุ่มประเทศจี 20 ที่พื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยอันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลกในปี 2551-52 โดยส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากขนาดของภาคการเงินที่ไม่เหมาะสมในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานะศูนย์กลางทางการเงินโลกของอังกฤษซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยในปี 2553 และปี 2554 แต่ก็ยังหดตัวลงในทางเทคนิค โดยผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมาและในไตรมาสแรกปีนี้