ประธานกรรมการและประธานผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ปลอบใจถึงการเมืองไม่นิ่งทำเศรษฐกิจไทยโตช้า แต่เศรษฐกิจก็ยังไปได้ ขณะเดียวกันไทยต้องเตรียมพร้อมขยายสินค้านำเข้าจีนและลงทุนในจีนด้วย เชื่อเศรษฐกิจจีนเติบโตก้าวกระโดด ทั้งนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , เกษตรกรรม และ ธุรกิจเอสเอ็มอีของจีนจะมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจจีน
"เสียดายการเมืองไทยไม่นิ่ง ถ้านิ่งวันนี้คนไทยร่ำรวยไปแล้ว ...ผมคิดว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าใจเศรษฐกิจ ขอให้พวกเรามีกำลังใจแม้เศรษฐกิจโตช้า การเมืองไม่นิ่ง ให้มีกำลังว่ายังไงเมืองไทยจะเติบโตได้อีก" นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานผู้บริหารเครือซีพีกล่าว
พร้อมทั้งยังแนะว่าอย่าได้วิตกเรื่องเงินเฟ้อมากเกินไป เพราะไม่ใช่มีเงินแล้วหาซื้อของไม่ได้เหมือนช่วงสงครามโลก แต่ควรสนับสนุนให้รายได้ขั้นต่ำเพิ่มสูงขึ้น และราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นอย่างที่พูดเรื่องสองสูงไว้ เพราะวันนี้สินค้าเกษตรไทยยังไม่สามารถปรับขึ้นได้เท่ากับราคาน้ำมันได้
รวมทั้งแนะให้ธุรกิจไทยเตรียมพร้อมผลิตสินค้านำเข้าจีนที่อนาคตจะมีเศรษฐกิจเติบโตมาก โดยเสนอผลิตและนำเข้าไปจีน ได้แก่ ทุเรียน ซึ่งไม่มีประเทศใดในโลกผลิตได้เท่าไทย , ยางพารา เพราะเห็นมีแนวโน้มอนาคตจีนจะมีกำลังซื้อรถ และยางล้อรถยนต์จะมีความต้องการสูงขึ้น และ เสื้อเชิ้ตเกรดดี อีกทั้งการเพิ่มจำนวนที่พักโรงแรม เพราะมองว่า เมื่อคนจีนมีฐานะเศรษฐกิจดีขึ้นจะมีการเดินทางท่องเที่ยว
"ถ้าหากจีนรวยขึ้นอีก 5 เท่า คิดว่า 10%มาเที่ยวเมืองไทย หรือ 130 ล้านคน ก็จะไม่มีโรงแรมที่ไหนอยู่ เชื่อว่าจีนรวยแน่ มาเที่ยวเน่นอน ฝากให้รัฐบาลศึกษา และเชื่อว่าถ้าจีนรวยขึ้น จีนจะกลายเป็นผู้นำเข้าสินค้าอันดับหนึ่งตอนนี้อยู่อันดับสอง" นายธนินท์ กล่าว ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "พลังจีน...ขับเคลื่อนโลก"
ทั้งนี้ รัฐบาลควรจะมีหน่วยงานพิเศษที่ดูแลให้ข้อมูลการลงทุนในจีน รวมทั้งการลงทุนในอาเซียนด้วย รวมทั้งดูแลเรื่องแหล่งเงินให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี ขณะที่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ไทยจะได้เปรียบเพราะไทยส่งออกไปจีน ญ๊ปุ่น ไม่ต้องเสียภาษี ทำให้ไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุน พร้อมกันนั้น นายธนินท์ ทิ้งท้ายว่า เวลามีวิกฤติอย่ามองว่าเป็นวิกฤติ แต่วิกฤติจะตามมาด้วยโอกาสแน่นอน และ เวลามืดที่สุดให้เตรียมพร้อม เมื่อเวลาสว่างก็ยังลืมนึกถีงตอนมืด เพราะอะไรที่คิดไม่ถึงในวันข้างหน้ามีเสมอ