ก.เกษตรฯ รับวิกฤติยูโรกระทบราคายาง ชงครม.ตั้งราคากลางร่วม 3 ปท.ผู้ส่งออกหลัก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 6, 2012 14:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.)ว่า ที่ประชุมยอมรับว่าวิกฤติยูโรโซนได้ส่งผลกระทบต่อราคายางพาราไทยทั้งตลาดในปัจจุบันและตลาดล่วงหน้า ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัทร่วมทุนยาง 3 ประเทศ คือ ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย ต่างเห็นตรงกันว่าควรมีการกำหนดราคากลางร่วมกันเพื่อความเป็นเอกภาพ จึงจะนำมติเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมครม.เศรษฐกิจสัปดาห์หน้า(11 ก.ค.) เพื่อกำหนดมาตรการที่ชัดเจนอีกครั้งก่อนนำไปหารือในที่ประชุมร่วม 3 ประเทศ

ทั้งนี้ องค์การสวนยาง(อ.ส.ย.)ได้รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง หรือโครงการ 15,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้มียางอยู่ในสต๊อก 10,000 ตัน และมีสถาบันเกษตรกรเข้าร่วม 400 สถาบันแล้ว แต่ยังมีข้อร้องเรียนจากเกษตรกรว่ายังมีข้อจำกัดเรื่องการขาดทุนจากการดำเนินงานและอยากได้รับการชดเชยจากทางรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไปหารือ โดยในขณะนี้ได้ใช้เงินในโครงการแล้ว 30% และหากสถานการณ์ราคายางยังน่าเป็นห่วงอยู่ก็พร้อมจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินสินเชื่อเพิ่ม เพื่อให้อ.ส.ย.ใช้ซื้อยางจากเกษตรกร

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้มีการกำหนดกรอบการรับซื้อยางพาราไว้ โดยให้ราคายางพาราแผ่นดิบชั้น 3 และราคายางแผ่นรมควัน เพิ่มอีก 3 บาท/กก.จากราคาเฉลี่ยในตลาดกลาง ส่วนการผลักดันราคายางพาราให้ได้ 120 บาท/กก.นั้น ยังถือเป็นเป้าหมายในการดำเนินงานของรัฐบาลต่อไป พร้อมกันนี้รัฐบาลจะขยายตลาดยางพาราไปยังประเทศจีนในรูปแบบรัฐต่อรัฐ และรัฐต่อเอกชน ซึ่งจะหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางไปเจรจากับประเทศจีนในเรื่องนี้

รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศเวียดนามมีความสนใจที่จะเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารร่วมทุนยางระหว่างประเทศ ซึ่งในเดือนธ.ค.นี้จะมีการประชุมประเทศปลูกยางจากทั่วโลกและน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่กลุ่มประเทศอาเซียนจะจับมือกันเพื่อเพิ่มศักภาพในการกำหนดราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายางร่วมกันให้มากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ