นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตัน เปิดเผยว่า ข้อมูลจ้างงานล่าสุดของสหรัฐเมื่อวันศุกร์ออกมาน่าผิดหวัง โดยบ่งชี้ถึงภาวะตลาดแรงงานที่ย่ำแย่ของสหรัฐ และจะส่งผลให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนชะลอตัวลง
นายโรเซนเกรนระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐจำเป็นต้องมีการขยายตัวมากขึ้นอย่างมาก
ประธานเฟดบอสตันกล่าวในการสัมมนาด้านเศรษฐกิจที่กรุงเทพฯว่า การดำเนินมาตรการ QE3 จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 80,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 90,000-100,000 ตำแหน่งโดยประมาณ ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 8.2% ซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ส่วนใหญ่
ตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐกำลังอ่อนแรง ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัว โดยถึงแม้ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 21 ติดต่อกันแล้ว แต่อัตราขยายตัวยังคงต่ำกว่า 100,000 ตำแหน่งเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
วิกฤตหนี้สาธารณะที่ยืดเยื้อในยุโรป ประกอบกับการจ้างงานที่ชะลอลงในสหรัฐ ส่งผลให้เฟดมีมติขยายเวลาการใช้มาตรการ Operation Twist ไปจนถึงสิ้นปี 2555 ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดเมื่อเดือนมิ.ย. โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลง เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงาน
เฟดระบุว่า เมื่อพิจารณาจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่อ่อนแอลงแล้ว เฟดจึงเตรียมความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น และหนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืน โดยจะพิจารณาถึงเสถียรภาพด้านราคาด้วย