นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในวันที่ 16 ส.ค.นี้จะมีความชัดเจนการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG และ NGV ที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยในส่วนของราคา LPG จะกำหนดราคาเป็นราคาเดียวทั้งภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน จากปัจจุบันแยกราคาเป็นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 24.86 บาท/กิโลกรัม, ภาคขนส่งอยู่ที่ 21.13 บาท/กิโลกรัม และครัวเรือนอยู่ที่ 18.13 บาท/กิโลกรัม แต่อาจจะมีมาตรการช่วยเหลือลดผลกระทบให้กับผู้ใช้เป็นบางกลุ่มที่เป็นผู้มีรายได้น้อย ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะอุดหนุนเท่าไร
ทั้งนี้ แม้จะปรับขึ้นราคา LPG เป็นราคาเดียวกันแล้วก็ตาม ยังคงต้องดูว่าจะประกาศราคาอ้างอิงอย่างไร เพื่อให้เป็นธรรมไม่กระทบประชาชนมากเกินไป โดยอาจประกาศทุกไตรมาส หรือทุกเดือน
ปัจจุบัน ไทยนำเข้า LPG ประมาณ 1.1 แสนตัน/เดือน และผลิตได้ในประเทศประมาณ 4.8 แสนตัน/เดือน แยกเป็นการผลิตจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ 309,000 ตัน/เดือน และโรงกลั่นน้ำมัน 146,000 ตัน/เดือน โดยราคานำเข้าอิงราคาตลาดโลกในเดือน ก.ค.55 อยู่ที่ 593 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ราคาหน้าโรงกลั่นจะคำนวณอิงราคาตลาดโลกประมาณร้อยละ 76 อยู่ที่ 530 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ส่วนราคาควบคุมในประเทศอยู่ที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
นายอารักษ์ กล่าวว่า การลอยตัวราคาแอลพีจีจะช่วยลดภาระกองทุนน้ำมันฯ ที่ปัจจุบันขาดทุนอยู่ประมาณ 17,000 ล้านบาท และจะประสบปัญหามากขึ้นหลังการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58
ส่วนราคาก๊าซ NGV อาจจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากผลออกมาราคาที่เหมาะสมแตกต่างจากราคาที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันที่ 10.50 บาท/กิโลกรัมไม่มากนักก็อาจจะมีการปรับขึ้นในคราวเดียว แต่หากห่างกันมากก็อาจจะต้องทยอยปรับขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อภาคประชาชน
ทั้งนี้ ภายหลังจากการปรับโครงสรางราคาก๊าซฯ ทั้งสองตัวแล้ว ค่าโดยสารจะขยับขึ้นมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมจะพิจารณา ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานได้สรางความเข้าใจประชาชนด้วยการเผยแพร่วีดีโอ"รวมพลังปลดดินพอกหางหมู"ผ่านทางเว็บไซต์ ยูทูป และจะมีสื่อประชาสัมพันธ์เรื่อง LPG เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น