ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เปิดเผยในรายงานการสังเกตการณ์เศรษฐกิจในภาคพื้นแปซิฟิคฉบับล่าสุด ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจในประเทศแถบมหาสมุทรแปซิฟิคยังคงดำเนินไปด้วยดีท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป เนื่องจากรัฐบาลเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน
ธนาคาร ADB คาดว่าเศรษฐกิจในภาคพื้นแปซิฟิคจะขยายตัว 6% ในปี 2555
“วิกฤตเศรษฐกิจในยูโรโซนยังคงส่งผลกระทบในทางอ้อมเพียงเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจในประเทศภูมิภาคแปซิฟิค เนื่องจากมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และสหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อการขยายตัวของภูมิภาคแปซิฟิค" ADB เผย
นอกจากนี้ ADB คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในภาคพื้นแปซิฟิคจะลดลงสู่ 6.3% เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ การส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ปิโตรเลียมและเหล็กจากปาปัว นิวกินีและติมอร์ เลสเต ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่ปรับตัวลดลง โดย ADB กล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของปี 2555 สำหรับทั้ง 2 ประเทศซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการขยายตัวในระยะสั้นมีการพึ่งพาโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังดำเนินการก่อสร้างในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ADB ระบุว่า เศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคแปซิฟิค สาเหตุหลักเนื่องมาจากเศรษฐกิจจีนและออสเตรเลียต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ขณะที่ออสเตรเลียเป็นคู่ค้าหลักของหลายประเทศในภูมิภาคแปซิฟิค สำนักข่าวซินหัวรายงาน