นายจาง หลี่กุน นักวิจัยของศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งสภาแห่งรัฐ หรือคณะรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนอยู่ในจุดต่ำสุดแลัวและจะดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินและการคลังของรัฐบาล รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น
นายจางระบุว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังมีเสถียรภาพ พร้อมกับเสริมว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปยังไม่มีแนวโน้มที่จะลุกลามออกไปอีก และเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะช่วยให้จีนยังคงรักษาอัตราการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ไว้ที่ 14% ต่อปี
นายจางคาดว่า อัตราการขยายตัวของการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังอาจสูงกว่า 9.2% ต่อปีซึ่งเป็นตัวเลขการขยายตัวในครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อที่ลดลงจากยุโรปและประเทศคู่ค้ารายอื่นๆ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของจีนปรับตัวลง เมื่อผนวกกับการชะลอตัวลงของภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 7.6% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552
นายจางคาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอาจอยู่ที่ระหว่าง 7-8% ในครึ่งปีหลัง และอัตราการขยายตัวตลอดทั้งปีอาจอยู่ที่ 7.5-8%
ขณะเดียวกัน เซิง เหว่ย นักวิเคราะห์เศรษฐกิจในระดับมหภาคของไชน่า หมินซู ซิเคียวริตี้ส์ มีความเห็นที่สอดคล้องกันว่า เศรษฐกิจโลกจะกดดันเศรษฐกิจจีนน้อยลงในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปไม่มีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ลง ขณะที่สหรัฐก็กำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
นายเซิงคาดว่า อัตราการขยายตัวด้านการลงทุนจะเพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากการผ่อนคลายทางการเงินและงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ และคาดว่า การปรับทบทวนอัตราดอกเบี้ยในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งจะมีงบมาใช้จ่ายในโครงการต่างๆ มากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน