นาคารแบงก์ ออฟ คอมมูนิเคชั่น และ ธนาคารอินดัสเตรียล แบงก์ ของจีนเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าระดับ 2% ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าจีนมีโอกาสใช้นโยบายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ
รายงานของทั้งสองธนาคารระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ปรับตัวขึ้น 1.7% เมื่อเทียบปีต่อปีในเดือนกรกฎาคม หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนมิถุนายน
รายงานดังกล่าวระบุว่า สาเหตุที่อัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลงเนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยพื้นฐาน โดยซีพีไอได้พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 37 เดือนที่ 6.5% ในเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะปรับลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน
แต่อย่างไรก็ดี รายงานระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออาจทรงตัวอยู่ที่ราว 2% ตลอดทั้งไตรมาสที่ 3 หากไม่มีมาตรการใหม่ๆ ออกมากระตุ้นการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้า
ลู เจิงเหว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอินดัสเตรียลแบงก์กล่าวว่า “ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะปรับลดสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอีกครั้งในเดือนสิงหาคมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลง"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้ปรับลด RRR ลงทั้งหมด 3 ครั้งนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธนวาคม 2551 ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะปรับลงอีกครั้งในช่วงต้นเดือนนี้