คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน มีมติให้ปรับขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม(LPG) ภาคขนส่งอีกกิโลกรัมละ 0.25 บาท หรือเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 21.38 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากราคาตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 775 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ส่วนราคา LPG ภาคอุตสาหกรรม ยังคงตรึงราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 29.56 บาท และ LPG ยังตรึงราคาไว้เท่าเดิมจนถึงสิ้นปี ขณะที่ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ตรึงราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 10.50 บาทเช่นเดิม
พร้อมกับได้มีมติลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด ยกเว้นดีเซล ประกอบด้วย เบนซิน 95 ลดลง 0.60 บาท/ลิตร, เบนซิน 91 ลดลง 1.50 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 0.50 บาท/ลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 1.20 บาท/ลิตร, E20 ลดการชดเชยลง 1.30 บาท/ลิตร และ E85 ลดการชดเชยลง 0.20 บาท/ลิตร มีผลวันพรุ่งนี้(15 ส.ค.)
สำหรับดีเซล ปัจจุบันค่าการตลาดอยู่ที่ 1.03 บาท/ลิตร แต่เนื่องจากราคาขายในตลาดโลกลดลงเล็กน้อย จึงขอรอดูราคาในตลาดก่อน
การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลงจากเดิมมีรายรับติดลบ 37 ล้านบาท/วัน จากเดิมที่ติดลบ 15 ล้านบาท/วัน สถานะกองทุนฯ ติดลบอยู่ที่ 14,430 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีการกู้เงินเพิ่มเติม เนื่องจากยังคงมีวงเงินกู้เหลืออยู่ประมาณ 24,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท และจากการปรับลดเงินเข้ากองทุนฯ จะทำให้ บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ.บางจาก ปิโตรเลียม(BCP) ปรับลดราคาขายน้ำมันในประเทศลงตามอัตราดังกล่าว
ส่วนสาเหตุที่ยังไม่พิจารณาในเรื่องการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของน้ำมันดีเซล เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกมีการปรับลดลงเล็กน้อย ขณะที่ค่าการตลาดอยู่ที่ 1.03 บาท/ลิตร จึงขอดูราคาน้ำมันในตลาดโลกก่อน