นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช.เตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ 12 รายที่ไม่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากโรงงานและใช้เอกสารปลอมมาแสดงกับ กสทช.เพื่อนำเข้ามือถือมาจำหน่ายในประเทศไทย
"ทั้ง 12 บริษัทจงใจที่จะหลีกเลี่ยงที่จะปฏิบัติคำสั่งของ กสทช.โดยไม่ติดต่อหรือเข้ามาพบเพื่อชี้แจงว่ามีมือถือในครอบครองกี่รุ่นและได้ดำเนินการแก้ไขอย่างไรบ้าง ซึ่งคดีนี้จะต้องถูกระวางโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 5 ปี ปรับ 1,000 ถึง 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" นายฐากร กล่าว
การเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ 12 บริษัท เนื่องจากกสทช.ยังไม่ได้รับรายงานการครอบครองหรือส่งเอกสารเพิ่มเติมหลังจากที่ได้มีคำสั่งทางปกครองเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.55 เพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 รุ่น จาก 27 บริษัท เพราะตรวจพบการใช้รายงานผลการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการทดสอบของต่างประเทศที่ไม่ได้ออกโดยห้องปฏิบัติการทดสอบของต่างประเทศ รวมทั้งการปลอมแปลงหรือแก้ไข เปลี่ยนแปลง ลดทอน แต่งเติมเนื้อหาข้อมูลในรายงานผลการทดสอบให้ผิดแผกจากต้นฉบับ ซึ่ง กสทช.มีคำสั่งให้นำออกหรือทำลายทิ้งภายใน 30 วัน
"ส่วน 15 บริษัทที่เหลือได้เข้าพบและปฏิบัติตามคำสั่ง เช่น บริษัทมีเดีย อินฟินิตี้ ผู้ผลิตและนำจำหน่ายมือถือแบรนด์อาม่า ก็ยุติการจำหน่ายรุ่นที่ไม่ได้มาตรฐานเรียบร้อยแล้ว"นายฐากร กล่าว
สำหรับรายชื่อมือถือที่ใช้เอกสารปลอม ประกอบด้วย โฟนวัน, แมกซ์เทล, ไฮโฟน, ซิกโทน, มาสเตอร์, ไอลิงค์, เบสคิงส์ และไอโนโว จากทั้งหมด 12 บริษัท ประกอบด้วย นายอริยะ บุพศิริ ในนามโฟนวัน, บริษัท ออลเทค มาเก็ตติ้ง, บริษัท ลอง เชียร์ คอมมูนิเคชั่น, บริษัท ไอโอเทค เทคโนโลยี, บริษัท คูล คอมพิวเตอร์, บริษัท ดี โมบาย, บริษัท ไมโครเทลคอม, บริษัท ที.ซี.โมบายโฟน, บริษัท เอ.โมบายเวิลด์, บริษัท แอลบี แอล(2004), บริษัท เบสคิงส์ และบริษัท สไมล์โฟน
นายฐากร กล่าวว่า นอกจากเรื่องมือถือแล้ว ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดระเบียบภูมิทัศน์ในการเดินสายวางท่อติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารในเขตกทม.และปริมณฑล เพื่อพิจารณาว่าจุดใดบ้างที่ควรจะนำสายอุปกรณ์สื่อสารลงดิน หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เสาโครงข่ายล้มและทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ