สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าสเปนกำลังเจรจากับประเทศยูโรโซนเกี่ยวกับเงื่อนไขการรับความช่วยเหลือด้านการเงิน
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.28% แตะที่ 1.2561 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.2526 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนแรงลง 0.13% แตะที่ 1.5859 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5880 ดอลลาร์สหรัฐค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 78.460 เยน จากระดับของวันพุธที่ 78.560 เยน และอ่อนแรงลง 0.24% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9560 ฟรังค์ จากระดับ 0.9583 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลง 0.63% แตะที่ 1.0437 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.0503 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.07% แตะที่ 0.8127 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8133 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนแรงลงหลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.ซึ่งระบุว่า เฟดมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หากข้อมูลเศรษฐกิจไม่ส่งสัญญาณความแข็งแกร่ง
ขณะที่สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นจากข่าวที่ว่าสเปนกำลังเจรจากับประเทศยูโรโซนเกี่ยวกับเงื่อนไขการรับความช่วยเหลือด้านการเงิน
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) เปิดเผยว่า S&P ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสเปน หากสเปนร้องขอความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศ พร้อมกับกล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือแก่สเปนอาจจะเป็นผลดีต่อการดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม S&P กล่าวว่า สเปนจำเป็นต้องปฏิรูปตลาดแรงงานมากกว่านี้ เนื่องจากความพยายามในปัจจุบันแทบไม่ประสบผลอย่างชัดเจนในการบรรเทาแรงกดดันด้านการจ้างงาน และอัตราว่างงานของสเปนยังอยู่ในระดับสูงที่สุดในยุโรป
ทั้งนี้ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสเปนไว้ที่ระดับ BBB+ โดยมีแนวโน้มเชิงลบ ในขณะที่มูดี้ส์และฟิทช์ให้อันดับความน่าถือของสเปนที่ระดับ Baa3 และ BBB ตามลำดับ