นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดว่า การส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 5-6% เท่านั้น แม้ในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้(ส.ค.-ธ.ค.55)อาจจะทำมูลค่าได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ก็ตาม
ทั้งนี้ สศค.แนะให้จับตาปัญหาวิกฤติในยูโรโซนอย่างใกล้ชิด หลังพบว่ามีผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมต่อการส่งออกไทยอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุดการส่งออกของไทยไปตลาดยุโรปในเดือน ก.ค.55 หดตัวถึง 21.4% ซึ่งถือว่าเป็นการหดตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากในเดือน มิ.ย.ที่หดตัว 17.6%
นอกจากปัญหาวิกฤติในยูโรแล้ว ยังต้องจับตาภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงจากภาคการส่งออกด้วยเช่นกัน เพราะจีนถือเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูง แต่ล่าสุดการส่งออกของจีนในเดือน ก.ค.55 เติบโตเพียง 1% เท่านั้น จากก่อนหน้านี้การส่งออกจีนเติบโตในระดับ 2 หลัก แต่ก็เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังรัฐบาลจีนคงจะออกมาตรการแรงๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการทางการคลัง หลังจากภาวะการส่งออกสะท้อนว่าเศรษฐกิจของจีนเริ่มแตะเบรคจริง
"คงต้องจับตาใกล้ชิดกับปัญหาอียู เพราะเห็นชัดว่าเริ่มบั่นทอนการส่งออกไทยมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากยังต้องติดตามเรื่องเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลงจากภาคการส่งออกด้วยเช่นกัน" นายบุญชัย กล่าว
รองโฆษก สศค.กล่าวว่า การส่งออกของไทยปีนี้แม้จะคาดว่าเติบโตได้ไม่เกิน 6% จากก่อนหน้าที่ สศค.เคยคาดไว้ว่าจะโตได้ 12% นั้น ก็ยังเชื่อว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปีนี้ยังทำได้ 5.7% ตามที่ สศค.เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ เพราะแม้อัตราการส่งออกจะลดลงมาก แต่ยังมีอุปสงค์ในประเทศเป็นตัวช่วยสนับสนุน GDP ให้เติบโตได้ในระดับดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นด้านของการบริโภคในประเทศ และการลงทุนในประเทศ
"ปีนี้ส่งออกไทยอาจจะชะลอตัว เราคงหวังพึ่งการส่งออกทั้งหมดไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องเร่งเรื่องอุปสงค์ในประเทศมาทดแทน ซึ่งก็ถือว่าเราทำได้ดีทั้งการบริโภค การลงทุนเพื่อทดแทนการส่งออก...จีดีพียังอยู่ในเป้า 5.7% โดยมี Demand ในประเทศมาเป็นตัว Support" นายบุญชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค.55 พบว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจยุโรปเริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย สะท้อนได้จากการส่งออกไปยุโรปที่หดตัวมาก อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภายในประเทศยังสามารถขยายตัวได้ดี ทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ในขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งจะสามารถช่วยรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้