ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานภาวะตลาดเงินระยะสั้น เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าทดสอบระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ของกลุ่มผู้ส่งออก และความคาดหวังต่อสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินจากธนาคารกลางประเทศชั้นนำ รวมถึงมาตรการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป ทั้งนี้ เงินบาทลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงต่อมา เนื่องจากนักลงทุนปรับโพสิชั่นด้วยการซื้อเงินดอลลาร์ฯ ก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ หลัง ECB ประกาศรายละเอียดของโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อช่วยบรรเทาวิกฤตหนี้ยูโรโซน โดยในวันศุกร์ (7 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 31.18 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 31.31 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (31 ส.ค.
แนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (10-14 ก.ย.) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 31.10-31.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคงต้องติดตามการตอบรับของตลาดการเงินในช่วงต้นสัปดาห์หลังการประกาศตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ และการพบปะระหว่างทีมตรวจสอบความคืบหน้ามาตรการรัดเข็มขัดทางการคลังของ Troika กับรัฐมนตรีคลังกรีซ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (12-13 ก.ย.) คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีในเรื่องการลงสัตยาบันรับรองกองทุน ESM (12 ก.ย.) ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลสต็อกสินค้า การค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ส่วนตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้น รับข่าวการซื้อพันธบัตรของ ECB โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,246.10 จุด เพิ่มขึ้น 1.52% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 1.39% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 27,908.22 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนรายย่อย และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 329.38 จุด เพิ่มขึ้น 1.92% จากสัปดาห์ก่อน
" ดัชนี SET ปรับขึ้นในวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากแถลงการณ์ของประธานเฟดในการประชุมธนาคารกลางโลกที่ Jackson Hole รัฐ Wyoming ก่อนที่ดัชนีจะปรับลดลงในช่วงกลางสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายทำกำไร จากนั้น ตลาดหุ้นปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 14 ปีในระหว่างวันทำการของวันศุกร์ จากแรงหนุนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดี ผลการประชุม ECB และการอนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน แม้จะปิดอ่อนตัวลงหลังจากนั้น"
สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ระหว่างวันที่ 10-14 ก.ย. 2555 บล.กสิกรไทย และศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ดัชนีมีโอกาสผันผวน โดยต้องระวังแรงขายทำกำไร ขณะที่คงจะต้องจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาสินค้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,230 และ 1,220 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,262 และ 1,270 จุด ตามลำดับ