ค่าเงินยูโรร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ หลังจากรัฐบาลผสมของกรีซไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการลดงบประมาณการใช้จ่ายมูลค่า 1.15 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่ากรีซจะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้ได้
ทั้งนี้ ยูโรร่วงลง 0.3% แตะที่ 1.2777 ดอลลาร์สหรัฐ ณ เวลา 08.13 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้
สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และสกุลเงินอื่นๆ ก่อนที่ศาลเยอรมนีจะตัดสินว่าเยอรมนีควรจะสมทบเงินในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรปหรือไม่ โดยศาลจะตัดสินภายในเวลา 2 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เนเธอร์แลนด์จะจัดการเลือกตั้ง
ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เพราะได้รับแรงหนุนหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยจะซื้อโดยไม่จำกัดจำนวน ด้วยเป้าหมายที่จะฉุดต้นทุนการกู้ยืมของประเทศต่างๆในยูโรโซนให้ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนการกู้ยืมของพันธบัตรที่มีกำหนดไถ่ถอนในระยะเวลา 1-2 ปี
นอกจากนี้ ยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ของเยอรมนีพลิกกลับมาขยายตัวขึ้น 1.3% จากเดือนมิ.ย.ที่หดตัว 0.4% เพราะได้ปัจจัยหนุนจากผลผลิตสินค้าทุน อาทิ เครื่องจักร ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ซึ่งการดีดตัวขึ้นดังกล่าวสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่าจะผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีน่าจะปรับตัวลง
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 11-12 ก.ย. โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3