รายงานการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประจำวันที่ 8-9 ส.ค.ซึ่งมีการเปิดเผยในวันนี้ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายบางรายของบีโอเจได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่รุนแรงของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในยุโรปที่มีต่อการค้าทั่วโลก ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกหลายคนได้แสดงความคิดเห็นว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง
"เจ้าหน้าที่บางรายของบีโอเจกล่าวว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากขึ้นในยูโรโซนนั้น ได้สร้างแรงกดดันให้กับเศรษฐกิจทั่วโลก ด้วยการทำให้การค้าทั่วโลกหดตัวลง ส่วนในด้านเศรษฐกิจจีนนั้น เจ้าหน้าที่บีโอเจได้แสดงความเห็นว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้"
ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านการส่งออกของญี่ปุ่นนั้น เจ้าหน้าที่บางรายกล่าวว่า บริษัทเอกชน "อาจจะเริ่มปรับแผนการผลิต เพราะคาดว่ายอดส่งออกอาจจะหดตัวลง และผลด้านนโยบายก็จะลดน้อยลงด้วย"
รายงานการประชุมระบุว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของบีโอเจมีความเห็นพ้องกันว่า ปัญหาหนี้ยุโรปยังคง "เป็นปัจจัยเสี่ยงที่น่าวิตกกังวลมากที่สุดนั้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งได้เตือนว่า ผลกระทบที่รุนแรงของวิกฤตหนี้ยุโรป "อาจจะลุกลามออกไปในระดับที่คาดไม่ถึง" และย้ำว่าไม่ควรประมาทในเรื่องนี้
ส่วนในการอภิปรายเรื่องนโยบายการเงินนั้น เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวว่า บีโอเจอาจจำเป็นต้อง "ปรับเปลี่ยนวิธีการอื่นๆเพื่อกระตุ้นการคาดการณ์เงินเฟ้อ เช่น การผลักดันให้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศเข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น ซึ่งเป็นการพิจารณาว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่สามารถจัดการกับภาวะเงินฝืดได้"
ด้านเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น เจ้าหน้าที่บีโอเจมีความเห็นเหมือนกันว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเริ่มกระเตื้องขึ้นปานกลาง เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวและสึนามิซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ปีที่แล้ว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของบีโอเจมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0-0.1% และยังคงขนาดโครงการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 70 ล้านล้านเยน เพื่อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ