นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติกรอบการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 13 พ.ค.52 สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เช่นเดียวกับกรณีของข้าว
ทั้งนี้ให้การระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ครอบคลุมถึงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ส่วนที่เหลือจากโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 โดยให้ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการระบายแต่ละครั้งตามกรอบการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม. และเพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชุดใหม่
โดยการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต็อกรัฐบาลให้สามารถดำเนินการได้ทั้งหมดตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของรัฐบาล แต่จะต้องพิจารณาถึงความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของตลาด, ระบายโดยเปิดกว้างทั้งเพื่อการส่งออกต่างประเทศและการใช้ภายในประเทศ โดยคำนึงถึงสภาวะตลาดและระดับราคาที่เหมาะสม, กำหนดกลยุทธ์ในการระบายเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อราชการ โดยไม่เปิดเผยข้อมูลปริมาณข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในสต็อกของรัฐบาลเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ซื้อใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างอำนาจต่อรองและไม่เปิดเผยผลการดำเนินการระบายแต่ละครั้ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาตลาดจนกว่าการดำเนินการระบายจะแล้วเสร็จตามโครงการ
ส่วนวิธีการระบาย ได้แก่ การเจรจาขายแบบรัฐต่อรัฐ(G to G), การขายเป็นการทั่วไป ทั้งเพื่อการส่งออกและเพื่อการใช้ภายในประเทศ, การขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET)
ส่วนปริมาณที่จะระบายแต่ละครั้งจะพิจารณาปริมาณตามสภาวะตลาด โอกาส และเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ รวมทั้งเพื่อสนองตอบต่อความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของตลาดต่างประเทศ โดยคำนึงถึงราคาของประเทศคู่แข่ง โดยปริมาณที่อนุมัติให้ระบายแต่ละครั้งดำเนินการซื้อขายให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน แต่กรณีการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบรัฐต่อรัฐให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นำผลการเจรจาต่อรองเสนอต่อประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนลงนามในสัญญากับหน่วยงานผู้ซื้อ