นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า อย่างไรก็ตามการจะเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐจะส่งผลกระทบต่อประเทศ ผู้ซื้อเนื่องจากข้าวเป็นสินค้าอ่อนไหวทางการเมืองสูงมาก
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงเกี่ยวกับการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลว่าได้ดำเนินการแล้วอย่างเป็นรูปธรรม โดยยืนยันได้ทำสัญญาการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ 7.3 ล้านตัน กับประเทศผู้ซื้อหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย จีน และโกตดิวัวร์ ซึ่งประเทศผู้ซื้อได้มีการชำระเงินและรับมอบข้าวไปแล้วบางส่วน และกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งคืนเงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแล้ว 4.2 หมื่นล้านบาท
นายบุญทรง กล่าวว่า การซื้อขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐที่ผ่านมาเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่รัฐบาลไทยได้จัดทำกับประเทศผู้ซื้อ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ และอยู่ในระหว่างการจัดทำกับประเทศโกตดิวัวร์ ซึ่งกรอบ MOU ดังกล่าวมีระยะเวลาบังคับใช้ 3 - 5 ปี คิดเป็นปริมาณข้าว 8 ล้านตัน ซึ่งสอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้
การจัดทำ MOU เป็นกรอบพื้นฐานเพื่อนำไปสู่การเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐและการทำสัญญาซื้อขายข้าว ในปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้มีการเจรจากับประเทศอาเซียนในการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เนื่องจากทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศและมีการซื้อขายข้าวระหว่างกันมายาวนาน จึงเป็นลูกค้าข้าวที่สำคัญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
กรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนผู้ส่งออกข้าวบางรายในการส่งออกข้าว ซึ่งในเรื่องนี้ขอชี้แจงว่าถึงแม้ว่ารัฐบาลจะดำเนินโครงการจำนำข้าวทุกเมล็ด แต่ยังมีข้าวบางส่วนที่ไม่ได้เข้าสู่โครงการรับจำนำและหมุนเวียนอยู่ในตลาด ผู้ส่งออกหรือผู้ค้าข้าวจึงสามารถทำธุรกิจได้ตามปกติ ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลยังเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออก ผู้ซื้อข้าว โรงสี โรงงานแปรรูปต่าง ๆ ที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบสามารถเข้าร่วมเสนอราคาซื้อในทุก ๆ ครั้งที่มีการระบายข้าว
ส่วนการส่งออกที่อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงของผู้ส่งออกนั้น เป็นความสามารถของแต่ละบริษัทที่จะแข่งขันกันในตลาดการค้าซึ่งเป็นปกติของการดำเนินธุรกิจ