(เพิ่มเติม) กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 2.75%แต่ไม่ใช่การส่งสัญญาณเข้าสู่ขาลง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 17, 2012 14:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในการประชุมวันที่ 17 ต.ค.55 มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ 2.75% โดยเตรียมปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 55 และ ปี 56 ตามการส่งออกที่ทำได้ต่ำกว่าคาดการณ์เดิม ซึ่งจะมีการแถลงในวันศุกร์หน้า แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยเข้าสู่ขาลง

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ กนง.กล่าวว่า กรรมการฯ ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าในภาวะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอและมีความเสี่ยงสูง นโยบายการเงินควรผ่อนคลายเพิ่มเติมเพื่อรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกและรักษาแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศที่อาจจะอ่อนแรงลงในระยะต่อไป

ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงมีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 แม้ว่ากรรมการฯ 2 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าแรงส่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถรอดูความชัดเจนในระยะต่อไปได้

กนง.เห็นว่า ไตรมาส 3/55 เศรษฐกิจไทยโดยรวมขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่ภาคการส่งออกและการผลิตเพื่อการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชัดเจนขึ้น โดยประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงมีความไม่แน่นอน ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของการส่งออกในระยะต่อไป ขณะที่การใช้จ่ายภายในประเทศและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ดี แต่ชะลอลงหลังจากการลงทุนเพื่อการฟื้นฟูจากผลของอุทกภัยหมดลง สำหรับสินเชื่อภาคเอกชนยังขยายตัวในระดับสูงและยังต้องติดตามต่อไป ส่วนแรงกดดันเงินเฟ้อทรงตัวอยู่ในระดับที่รับได้

ขณะที่เศรษฐกิจโลกในภาพรวมยังคงอ่อนแอ แม้มีสัญญาณที่ดีขึ้นบ้างจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชี้ว่าภาคที่อยู่อาศัยและการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น และการผ่อนคลายนโยบายการเงินของประเทศหลักได้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้ตลาดการเงินโลกได้บ้าง แต่อุปสงค์โลกที่อ่อนแอส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภูมิภาคและจีนมากกว่าที่ประเมินไว้ โดยเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัว และอาจส่งผลต่อการส่งออกของประเทศภูมิภาคมากขึ้นอีกในระยะข้างหน้า ขณะที่ความเสี่ยงด้านการคลังของสหรัฐฯ และการแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยูโรยังเป็นความเสี่ยงที่สำคัญของเศรษฐกิจโลกต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ