ขณะที่ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2556 อาจได้รับอานิสงส์จากแรงขับเคลื่อนที่พร้อมมากขึ้นทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยในกรณีพื้นฐานที่ไม่มีวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรงจากยุโรปและสหรัฐฯ แล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 56 อาจสามารถรักษาระดับอัตราการขยายตัวที่ 5.0% โดยมีกรอบประมาณการอยู่ในช่วงร้อยละ 4.5-5.5%
ทั้งนี้ คาดว่าแรงขับเคลื่อนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยจะมีความพร้อมมากขึ้น ทั้งในส่วนของการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภค, การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงภาคการส่งออกที่น่าจะพลิกกลับมาสู่เส้นทางการฟื้นตัวตามทิศทางเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยมีแรงเสริมจากราคาโภคภัณฑ์บางประเภท เช่น ข้าว และยางพารา ซึ่งคาดว่าจะมีระดับที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าในปี 2555
"ภายใต้เงื่อนไขที่ยูโรโซนและสหรัฐฯ ไม่เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2556 น่าที่จะรักษาระดับการเติบโตไว้ใกล้เคียงกับปี 55 ที่ประมาณร้อยละ 5.0 โดยมีกรอบประมาณการอยู่ในช่วงร้อยละ 4.5-5.5" เอกสารเผยแพร่ระบุทั้งนี้ แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 56 จะใกล้เคียงกับในปี 55 แต่จะมีภาพแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เน้นการขยายตัวของกิจกรรมการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของเม็ดเงินสะพัดที่มาจากการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐเป็นสำคัญ ขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนในปี 56 อาจมีโมเมนตัมที่แผ่วลงเล็กน้อยตามทิศทางการใช้จ่ายสินค้าคงทนบางรายการ เช่น รถยนต์ และเครื่องจักรที่กลับสู่ระดับการขยายตัวตามแนวโน้มปกติ หลังจากที่ได้เร่งตัวไปค่อนข้างมากในปี 55
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ปมปัญหาการคลังและความเปราะบางของปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ อาจจะฉุดรั้งให้เศรษฐกิจในกลุ่ม G-3 ขยายตัวในระดับต่ำกว่าศักยภาพของตัวเองในปี 56 แต่หากพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกเริ่มเข้าสู่ช่วงมีเสถียรภาพมากขึ้นในปีหน้าแล้ว ก็อาจทำให้ภาคการส่งออกของไทยได้รับอานิสงส์พร้อมกันจาก 2 แรงหนุนทั้งในด้านปริมาณและระดับราคาสินค้าส่งออก ซึ่งก็เป็นภาพที่ตอกย้ำว่าเส้นทางการฟื้นตัวของการส่งออกของไทยที่อาจจะมีภาพมั่นคงมากขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นปี 56(เป็นอย่างเร็ว) จะเพิ่มความเป็นไปได้ที่ภาคการส่งออกจะพลิกอัตราการเติบโตขึ้นสู่แดนตัวเลข 2 หลักได้ในปี 56