ทั้งนี้ ในวันที่ 22 พ.ย.นี้จะลงโฆษณาเชิญชวนให้ผู้สนใจเข้าเสนอตัวเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็น FA และคาดว่าจะรู้ผลการคัดเลือกภายใน 3 เดือน จากนั้นจะเริ่มกระบวนการ คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1-2 เดือน และคาดว่าจะสามารถนำ บสก.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 56
"ตั้งใจขายหุ้นของ บสก.เพื่อลดบทบาทของกองทุนฯ และเพื่อให้เอกชนรายอื่นเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นร่วม ซึ่งกองทุนฯ จะยังไม่ขายหุ้นออกทั้งหมด คงจะทยอยขายไม่ต่ำกว่า 15% เพื่อให้หุ้นมีสภาพคล่อง ดังนั้น กองทุนฯจะยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนในระยะต่อไปคงจะทยอยขาย แต่จะขายหมดหรือไม่นั้นขึ้นกับ FA เสนอแผน"นางพวงทิพย์ กล่าว
ปัจจุบัน กองทุนฟื้นฟูฯ ถือหุ้นใน บสก.ทั้งหมด 547 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 25 บาท มูลค่าตามบัญชี 50.23 บาท/หุ้น ณ สิ้นเดือน ก.ย.55 บสก.มีสาขารวม 26 สาขา มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 71,068 ล้านบาท คิดเป็นอันดับ 1 ในระบบบริษัทบริหารสินทรัพย์ ซึ่งมีทั้งสิ้นรวม 21 แห่ง และมีกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนของปี 55 รวม 2,951 ล้านบาท
สำหรับเงินที่ได้จากการขายหุ้นจะนำมาชำระคืนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ แต่คงไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะที่สำคัญคือต้องการให้ บสก.ของไทยมีบทบาทเป็นเอกชนในระบบสถาบันการเงินที่เป็นหัวใจสำคัญ รวมถึงมีความเป็นมืออาชีพในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และการเข้าจดทะเบียในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเพิ่มศักยภาพทำให้ บสก.สามารถรับซื้อ NPL และ NPA จากประเทศเพื่อนบ้านมาบริหารได้ด้วย