ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดกนง.มีโอกาสลดดบ.ลงอีก 0.25% หลังศก.ยังมีความเสี่ยง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 23, 2012 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) รอบที่ 8 ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของปีตามวาระปกติในวันที่ 28 พ.ย.55 นี้ มีโอกาสที่ กนง.จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เพื่อรักษาแรงส่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และวิกฤตหนี้ยุโรปที่ยืดเยื้อ ขณะที่การปรับลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกมีส่วนช่วยผ่อนคลายแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้ กนง.พอจะมีช่องว่างสำหรับการดำเนินนโยบายการเงินที่เอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ หากมองในระยะต่อไป การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบาง ท่ามกลางความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบจาก Fiscal Cliff ที่สหรัฐฯ จะมีการปรับลดการใช้จ่าย รวมทั้งการขึ้นภาษีที่จะเริ่มมีผลในปี 2556 ซึ่งอาจจะฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

ทั้งนี้ แม้ในเบื้องต้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ทางการสหรัฐฯ คงน่าจะหาวิธีการในการบรรเทาผลของ Fiscal Cliff ได้บางส่วน แต่ต้องยอมรับว่า ความคลุมเคลือของการแก้ปัญหาทางการคลังของสหรัฐฯ นั้นได้สร้างแรงกดดันต่อภาคเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนของภาคเอกชน รวมไปถึงการใช้จ่ายของอเมริกันชน นอกจากนี้ สถานการณ์ปัญหาหนี้ยุโรป ยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซนที่กำลังเผชิญกับภาวะถดถอยรอบที่ 2 ขณะที่แรงกดดันในการต่อต้านแผนการรัดเข็มขัดเริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้น

ดังนั้น หากเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญของไทยในระยะถัดไปปรับตัวไม่เป็นไปตามที่คาด ก็มีโอกาสที่ กนง.จะผ่อนคลายเพิ่มเติมตามความจำเป็น เพื่อดูแลความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ

"สำหรับในการประชุมรอบสุดท้ายของปีในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2555 ที่จะมาถึงนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่ามติที่ประชุมจะออกมาเช่นไรระหว่างการปรับลดหรือการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ คงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคณะกรรมการนโยบายการเงินแต่ละท่าน ที่อาจจะมีการให้น้ำหนักความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน โดยหากคณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง ก็มีโอกาสที่ผลการลงมติอาจจะเอนไปทางนั้น อันจะนำมาสู่โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงต่อเนื่องจากการประชุมรอบก่อนหน้าได้ แม้ว่ามุมมองต่อเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจจะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสมดุลต่อภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจไทยก็ตาม" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

อย่างไรก็ดี หาก กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ และเลือกที่รอติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ก็มีโอกาสเช่นกันที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจจะเกิดขึ้นภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 โดยเฉพาะถ้าสัญญาณการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ทั้งการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นตามที่คาด จากความเปราะบางของเศรษฐกิจหลักในโลก

ขณะที่คงจะต้องติดตามแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งจากภาคเอกชนและภาครัฐ ภายใต้แรงหนุนจากนโยบายการเงินและการคลังในเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะสามารถรักษาโมเมนตัมการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงต่อๆ ไปไว้ได้มากน้อยเพียงใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ