ข้อตกลงอาจจะยังไม่มีข้อสรุป แต่ในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับอัตราภาษีสำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้สูง ซึ่งประธานาธิบดีบารัค โอบามาระบุว่าต้องจ่ายภาษีในสัดส่วนที่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันแย้งว่าการจัดเก็บภาษีกลุ่มคนดังกล่าวในสัดส่วนที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวและการสร้างงาน
ดัชนีธุรกิจขนาดเล็กของเวลส์ ฟาร์โก/แกลลัพ ร่วงลง 28 จุดในไตรมาส 4 สู่ระดับ 11 ท่ามกลางความวิตกของธุรกิจขนาดเล็กเกี่ยวกับแนวโน้มการเงินในปีหน้า และในประเด็นที่ว่าการปรับเปลี่ยนนโยบายและภาษีจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อยอดขายและรายจ่ายในการดำเนินงาน
เวลส์ ฟาร์โกรายงานว่า การปรับตัวลงดังกล่าวนับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 4 ปี หลังจากดัชนีร่วงลง 35 จุดในไตรมาส 4 ปี 2551
มุมมองของบรรดาเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กต่อภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันย่ำแย่ลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาสล่าสุด โดยเปอร์เซนต์บริษัทที่รายงานสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันว่าดีมากหรือค่อนข้างดีนั้นลดลง 2 จุด มาอยู่ที่ 51%
ส่วนบริษัทที่ระบุว่าสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันค่อนข้างแย่หรือแย่มากนั้น เพิ่มขึ้น 2 จุด แตะ 28%
รายงานระบุว่า สัดส่วนของธุรกิจขนาดเล็กที่ระบุว่ารายได้เพิ่มขึ้นนั้น ลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน โดยลดลง 2 จุด สู่ระดับ 29% ขณะที่สัดส่วนของบริษัทที่รายงานการลดลงของรายได้ เพิ่มขึ้น 6 จุด แตะ 44%
หากสภาคองเกรสไม่ดำเนินมาตรการภายในสิ้นปีนี้ ภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือการปรับขึ้นภาษีประกอบกับการลดรายจ่ายวงเงินราว 6.00 แสนล้านดอลลาร์นั้น มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น และจนถึงขณะนี้พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันก็ยังมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับแนวทางในการเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายดังกล่าว
ปธน.โอบามา ซึ่งยืนกรานเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีสำหรับชาวอเมริกันที่ร่ำรวย ได้เสนอให้มีการเพิ่มรายได้ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า โดยจะมีการลดรายจ่ายเพียง 4.00 แสนล้านดอลลาร์จากโครงการต่างๆ
แต่พรรครีพับลิกัน ซึ่งปฏิเสธที่จะขึ้นภาษีและเรียกร้องให้ลดรายจ่ายของรัฐบาลมากขึ้นนั้น วิพากษ์วิจารณ์แผนด้านการคลังของปธน.โอบามาว่าไม่มีความจริงจัง สำนักข่าวซินหัวรายงาน