สำหรับคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เช่น นายสุชาติ วิสุวรรณ รองประธานอาวุโส นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธาน นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล รองประธานฯ นายบวร วงศ์สินอุดม รองประธานฯ นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานฯ นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธานฯ นายสมมาต ขุนเศษฐ รองประธานฯ นายพิภพ โชควัฒนา รองเลขาธิการ นางปิยะนุช มาลากุล ณ อยุธยา เป็นต้น
"คณะกรรมการบริหารชุดใหม่จะมีการรวบรวมผู้ที่มีความสามารถจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ตัวแทนจากเอสเอ็มอีต่างจังหวัด โตโยต้า เครือ ปตท. เครือ ซี.พี. เครือสหพัฒน์ รวมถึงกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม และกลุ่มน้ำตาลทราย เป็นต้น และหลังจากนี้ก็จะมีการเชิญกรรมการบริหารชุดเก่าที่มีศักยภาพมาทำงานร่วมกันต่อไป เนื่องจากไม่ต้องการให้องค์กรมีความแตกแยก" นายธนิตกล่าว
นอกจากนี้การทำงานของคณะกรรมการบริหารชุดนี้จะให้สมาชิกส่วนกลางและต่างจังหวัดมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยมีการแต่งตั้งให้ประธานสภาอุตสาหกรรมภาค 5 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ อีสาน ตะวันออก กลาง และใต้ มาดำรงตำแหน่งรองประธาน ส.อ.ท.ด้วย
นายธนิตกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมานายสันติและนายพยุงศักดิ์พยายามที่จะยุติปัญหา เช่น การให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยที่เชียงใหม่ แต่นายพยุงศักดิ์กลับไม่มาตามนัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายรับปากที่จะเจรจากันแล้ว
"กรรมการชุดใหม่ ได้ติดต่อไปยังคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อขอเข้าร่วมทำงานด้านบรรเทาผลกระทบค่าแรง 300 บาทด้วย ส่วนข่าวลือที่ว่านายสันติ ได้ลาออกจากการเป็นประธาน ส.อ.ท.นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่การที่นายสันติไม่ได้ออกมาให้ข้อมูล เพราะไม่ต้องการให้เกิดภาพความขัดแย้งมากไปกว่านี้" นายธนิตกล่าว
นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโสสายงานสภากล่าวว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายได้ทำหนังสือชี้แจงไปให้กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาในแง่กฎหมายแล้ว ส่วนกรณีการตั้งคณะกรรมการบริหารของนายสันติยังไม่ทราบ แต่ก็ไม่เห็นด้วย เพราะควรจะรอการพิจารณาจากกระทรวงอุตสาหกรรมก่อน
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ จะมีการประชุมคณะทำงานด้านกฎหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาหาข้อยุติเรื่องความขัดแย้งใน ส.อ.ท.โดยยืนยันให้เป็นไปตามระเบียบของ พ.ร.บ.ส.อ.ท.เป็นสำคัญ