นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายการเงิน ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธปท. กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องจับตามองต่อไป คือ แนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อภาคครัวเรือน โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยก็ขยายตัวดี แม้ยังไม่พบสัญญาณการเก็งกำไรราคาของภาคที่อยู่อาศัย แต่ต้องติดตามการเร่งตัวของราคาที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม และสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้ภาคที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้นในระยะหลัง
ทั้งนี้ ยอมรับว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะแนวเส้นรถไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นมาก ซึ่ง ธปท.ติดตามและให้ความสำคัญมาต่อเนื่อง แม้ในภาพรวมอาจไม่รุนแรงมาก แต่เริ่มเห็นสัญญาณในบางภาค เช่น คอนโดมิเนียมบางจุด บางทำเล และการเพิ่มขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในบางจังหวัด ซึ่งเป็นประเด็น 1 ใน 7 ด้านที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้ความสำคัญมากต่อการพิจารณาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของสินเชื่อ ภาวะการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์
สำหรับการเก็งกำไรราคาในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น ล่าสุดยังไม่พบสัญญาณฟองสบู่ โดยปัจจุบันอัตราส่วนราคาหลักทรัพย์ต่อผลตอบแทนคาดการณ์ (Forward P/E Ratio)อยู่ที่ 13-14 เท่า ยังสอดคล้องกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ยังแข็งแกร่ง
ขณะที่ผลพวงจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งมาตรการรถยนต์คันแรกและนโยบายจำนำสินค้าเกษตร อาจทำให้หนี้สาธารณะมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง และเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการคลัง โดยเฉพาะการขาดดุลงบประมาณในระยะต่อไป ดังนั้น รัฐบาลควรใช้ประโยชน์จากระดับหนี้สาธารณะที่ยังไม่สูงมาก โดยใช้เงินที่มีอยู่อย่างจำกัดไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันระยะยาวของประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน จากที่ผ่านมาอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลงจาก 27 มาที่ 30 แล้ว
“ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณฟองสบู่ที่ชัดเจน เพียงแต่ว่าในภาวะที่สินเชื่อขยายตัวอยู่ในระดับสูง 10% กว่า และขยายตัวต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ ดังนั้นหน้าที่ของธนาคารกลางที่ดีต้องระมัดระวัง ดูแลไม่ให้การเพิ่มและการขยายตัวร้อนแรงเกินไป เพียงแต่จุดนี้มองว่ายังอยู่ในจุดที่ต้องติดตามดูแล"นายทรงธรรม กล่าว