ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.31% แตะที่ 1.3384 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3343 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.32% แตะที่ 1.6078 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6130 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.390 เยน จากระดับ 89.170 เยน และพุ่งขึ้น 0.90% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9215 ฟรังค์ จากระดับ 0.9133 ฟรังค์
สกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนลดน้ำหนักการคาดการณ์ที่ว่า อีซีบีจะผ่อนคลายการเงิน หลังจากอีซีบีมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% ในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ อีซีบีไม่ได้ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายที่จะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและรอดูโอกาสที่เหมาะสมก่อนที่จะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่
ยูโรได้แรงหนุนหลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสเปนสามารถประมูลขายพันธบัตรเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5.8 พันล้านยูโรในวันนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ระดับ 4-5 พันล้านยูโร ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืม ลดลงในการประมูลครั้งแรกของปีเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาดู เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ที่แอนน์ อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกนในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยนักลงทุนจะรอดูว่าเขาจะส่งสัญญาณใดๆหรือไม่เกี่ยวกับการดำเนินโครงการซื้อพันธบัตร หลังจากที่มีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะยุติมาตการผ่อนคลายเชิงปริมาณภายในปีนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐและจีน โดยสหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกในวันอังคาร และเปิดเผยดัชนี CPI ในวันพุธ ขณะที่จีนจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ในวันศุกร์นี้