ไทยหารือจีนแลกเปลี่ยนความร่วมมือ-ส่งเสริมด้านการค้าการลงทุนด้านยางพารา

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 24, 2013 11:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายหลิว หมิงจุน รองนายกเทศมนตรีเมืองชิงเต่า สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย ว่า การหารือในครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นระหว่างกัน รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้มีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น โดยเมืองชิงเต่าเป็นเมืองที่มีอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีอัตราการผลิตยางรถยนต์ประมาณ 80 ล้านเส้นต่อปี อีกทั้งยังมีศักยภาพในการผลิตยางรถยนต์ขนาดใหญ่ โดยบริษัทในเครือของบริษัทรับเบอร์วัลเลย์ (Rubber Valley) ซึ่งในอนาคตรัฐบาลจีนจะส่งเสริมเมืองชิงเต่าในการผลิตยางเครื่องบิน โดยจัดทำเป็นโครงการเชิงยุทธศาสตร์ที่มีความร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชนและรัฐบาล

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังมีแผนพัฒนาศูนย์การค้ายางพาราระดับโลกที่เมืองชิงเต่าด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะขยายฐานการส่งออกยางพารา เนื่องจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความต้องการยางพาราเพื่อการอุตสาหกรรมประมาณ 3.6 ล้านตันต่อปี โดยต้องนำเข้าจากต่างประเทศประมาณ 2.1 ล้านตันต่อปี ซึ่งที่ผ่านมามีการนำเข้าจากประเทศไทยถึงร้อยละ 60 ทั้งนี้ แม้ว่าเมืองชิงเต่าจะมีอุตสาหกรรมหลักคือการผลิตยางรถยนต์ แต่ไม่สามารถปลูกยางพาราเองได้ ต้องนำเข้ายางจากต่างประเทศเท่านั้น นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมืองชิงเต่ายังมีความประสงค์ทำการค้ายางธรรมชาติกับไทย ซึ่งมีปริมาณการผลิตมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง โดยการที่เมืองชิงเต่ามีท่าเรือน้ำลึก และมีท่าเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก จะช่วยให้การส่งน้ำยางธรรมชาติจากไทยไปเมืองชิงเต่าสามารถทำได้โดยสะดวก

นอกจากนี้ เมืองชิงเต่ายินดีสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับบุคลากรจากไทย ให้ไปเรียนรู้ยังมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของเมืองชิงเต่าในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากยางพารา โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ รวมทั้งมีความยินดีที่จะเชิญผู้บริหารจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางเยือนเมืองชิงเต่าเพื่อหาแนวทางในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือ และส่งเสริมด้านการค้าการลงทุนระหว่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านยางพารา อีกทั้งในอนาคตจะมีการเปิดสถานกงสุลไทยประจำเมืองชิงเต่า ซึ่งการเปิดสถานกงสุลไทยดังกล่าวจะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการค้าและการพัฒนาการท่องเที่ยว

อนึ่ง เมืองชิงเต่าเป็นเขตเศรษฐกิจที่ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีประชากรประมาณ 8.5 ล้านคน เป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญทางเหนือของจีน มีการคมนาคมที่สะดวก และมีท่าเรือขนส่งสินค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก สินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญได้แก่ สินค้าอิเล็คทรอนิคส์ และรถยนต์ อาทิ รถกระบะ รถพ่วง และรถสำหรับการเกษตร มีอัตราการผลิตรถยนต์ปีละประมาณ 8 แสนคัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ