NIDA หนุนรัฐ-เอกชนฉวยจังหวะบาทแข็งเร่งนำเข้าสินค้าทุน-ชำระหนี้ตปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 25, 2013 11:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า การแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น มีปัจจัยสำคัญมาจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐฯ ที่ดำเนินมาตรการเพิ่มปริมาณเงิน QE3 และ QE4 โดยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน รวมถึงการดำเนินนโยบายอัดฉีดเงินของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีกสักระยะ

“ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทั้งแง่บวกและลบ อยู่ที่จะมองมุมไหน และบริหารจัดการอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งในช่วงที่ประเทศจำเป็นต้องลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การที่เงินบาทแข็งค่าก็ถือเป็นช่วงที่เหมาะสม เพราะเราสามารถนำเข้าสินค้าทุนในราคาที่ถูกลง เช่น นำเข้ารถไฟฟ้าได้ในราคาที่ถูก หรือสินค้าที่เราจำเป็นต้องนำเข้าจำนวนมากอย่างเช่นน้ำมัน ที่เมื่อบาทแข็งค่า ต้นทุนพลังงานก็ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกดตัวเลขเงินเฟ้อไม่ให้สูงอีกด้วย" รศ.ดร.มนตรี กล่าว

นายมนตรี กล่าวต่อว่า ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.27 ล้านล้านบาท จึงถือเป็นโอกาสดีที่ภาครัฐต้องเร่งลงทุน และเป็นจังหวะเหมาะในการนำเข้าสินค้าทุนจากต่างประเทศมาใช้ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะนำเข้าได้ในราคาที่ต่ำลง ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนที่มีหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศ สามารถเร่งรัดนำเงินไปชำระหนี้เพื่อลดเงินต้นและภาระดอกเบี้ยได้อีกด้วย

ขณะที่ภาคเอกชนที่มีความจำเป็นต้องลงทุนนั้น ช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยีด้านการผลิต โดยสั่งซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามาใช้เพื่อลดใช้แรงงานคนเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการด้านการผลิตให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำที่สุด หรือจะเลือกใช้ลงทุนขยายกิจการด้วยรูปแบบการร่วมทุนหรือซื้อกิจการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน รองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่า หากเงินบาทแข็งค่า สินค้าไทยจะส่งออกไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งหมด เพราะสินค้าส่งออกของไทยมีหลายประเภท จึงจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์เป็นรายอุตสาหกรรม หากเป็นสินค้าที่นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตภายในประเทศ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบกว่า 50-70% เพื่อใช้ผลิตและส่งออก ก็ถือเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง ขณะที่กลุ่มสินค้าเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารอาจจะได้รับกระทบมากหน่อย แต่เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แม้ว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้น แต่ก็เชื่อว่าจะด้วยคุณภาพของสินค้าไทยยังทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน

"ภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่าจะไปกังวลกับตัวเลขการส่งออก" นายมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ