เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันดีเซลก่อนปรับอัตราการนำส่งเงินเข้ากองทุนฯ ลดต่ำลงเหลือเพียง 98 สตางค์/ลิตร และเมื่อปรับเงินเข้ากองทุนฯ แล้ว จะทำให้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 1.48 บาท/ลิตร
รมว.พลังงาน กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นว่า เนื่องจากสถานการณ์ในตลาดโลก โดยเฉพาะเหตุระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศตุรกีเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา รวมทั้งเหตุการณ์ที่อิสราเอลทิ้งระเบิดในซีเรีย, ประเทศอียิปต์เกิดเหตุฉุกเฉินในหลายเมือง ซึ่งหลายสถานการณ์เหล่านี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอีก 3.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนดีเซลขึ้นไปอีก 6.27 ดอลลาร์/บาร์เรล และเบนซิน 95 ขึ้นไปอีก 8.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลในประเทศไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาทจึงได้ปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯในครั้งนี้
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ในปัจจุบันยังติดลบ 14,975 ล้านบาท และเมื่อมีการปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ แล้ว สภาพคล่องราคาน้ำมันยังติดลบ 32.98 ล้านบาท
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในการประชุม กบง.ยังได้รับทราบรายงานการตรวจจับการลักลอบจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG)ข้ามภาคของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ซึ่งปัจจุบันมีการตรวจจับ 122 แห่ง เป็นโรงบรรจุก๊าซที่มีการบรรจุเกินกว่ากำลังบรรจุที่ทำได้ และได้แจ้งไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
นอกจากนี้ ยังมีการรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของน้ำมันเบนซิน 91 หลังจากที่มีการประกาศยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.56 ที่ผ่านมา พบว่ามีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้นเป็นราว 2 ล้านลิตรต่อวัน จากเดิมที่ใช้อยู่ประมาณ 1 แสนกว่าลิตร/วัน ส่วนอีก 4 ล้านลิตร/วัน เปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95, 91 และ E20
ทั้งนี้ น้ำมันเบนซิน 91 ที่เหลืออยู่ในสต๊อกจะหมดภายในเดือนก.พ.นี้ ทำให้คาดว่าในเดือนมี.ค. ปริมาณการใช้แก๊สโซฮอล์จะเพิ่มขึ้นอีก