"กรมฯ เตรียมส่งหนังสืออย่างเป็นทางการไปยังอาคารและโรงงานควบคุมกว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศที่มีการใช้ไฟฟ้ารวมกันประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ เพื่อขอความร่วมมือประหยัดพลังงานช่วงพม่าหยุดจ่ายก๊าซฯ โดยตั้งเป้าลดการใช้พลังงานอย่างน้อย 100 เมกะวัตต์" นายอำนวย ทองสถิตย์ อธิบดี พพ.กล่าวในงานการรณรงค์รับมือภาวะวิกฤติพลังงานและส่งมอบรายงานการจัดการพลังงานประจำปี 2555
อธิบดี พพ.กล่าวว่า การที่กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันจัดทำแผนรับมือวิกฤตครั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่ากังวลว่าจะเกิดปัญหาไฟฟ้าและพลังงาน ทั้งแอลพีจี เอ็นจีวี ขาดแคลน เนื่องจากมีมาตรการเสริม โดยการจัดตั้งเครือข่าย Energy Hotline ร่วมกับ 9 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นศูนย์บริการสายด่วนให้คำปรึกษาและแนะนำมาตรการอนุรักษ์พลังงานสำหรับโรงงานและอาคารธุรกิจ เริ่มให้บริการตั้งแต่ 4 มีนาคม-11 เมษายนนี้
นายณรงค์ บัณฑิตกมล รองประธานกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.จะประชาสัมพันธ์ให้โรงงานอุตสาหกรรมและเครือข่ายที่มีการใช้ไฟฟ้าร้อยละ 46 ของความต้องการใช้ทั้งหมด ร่วมประหยัดพลังงาน ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการอยู่ระหว่างจัดทำแผนประหยัดพลังงาน และจะจัดทำเป็นรายงานการใช้ไฟฟ้าให้ พพ.ทุกปี ส่วนการขอความร่วมมือให้หยุดการผลิตในวันที่ 5 เม.ย.56 ซึ่งเป็นวันที่ปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศอยู่ในระดับต่ำนั้นคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากกำลังการผลิตต้องเดินเครื่องต่อเนื่อง แต่อาจจะลดกำลังการผลิตลงได้ส่วนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีโรงงานประมาณ 40-50 แห่ง รวมกำลังการใช้ไฟฟ้าประมาณ 100 เมกะวัตต์ แจ้งว่า พร้อมที่จะเลื่อนกำลังการผลิตจากวันที่ 5 เม.ย.56 เป็นวันอื่นแทน และทางสถาบันฯ กำลังเจรจากับโรงงานอื่นๆ ว่าจะมีการเลื่อนกำลังการผลิตเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่ เพราะเป้าหมายของ กฟผ.อยากเห็นการลดการใช้ไฟฟ้าอย่างน้อย 500 เมกะวัตต์
นายณรงค์ ยังกล่าวในฐานะที่เป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจอะโรเมติกส์ PTTGC ว่า บริษัทฯ ไม่สามารถหยุดหรือ เลื่อนการผลิตได้ แต่จะมีการลดกำลังการผลิตบางส่วน เพื่อให้ให้มีการใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุด และนำไฟฟ้าที่บริษัทผลิตได้เองขายเข้าระบบได้อีก 20-50 เมกะวัตต์ จากที่ปัจจุบันมีสัญญาขายให้แก่ กฟผ.ประมาณ 30 เมกะวัตต์
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการพลังงาน หอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยให้ความสำคัญเตรียมความพร้อมรับมือวิกฤตพลังงาน โดยจะขอความร่วมมือสมาชิกทั่วประเทศกว่า 27,000 ราย ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีและอาคารธุรกิจช่วยประหยัดไฟด้วยการลดระยะเวลาการใช้เครื่องปรับอากาศ และลดใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น โดยจะประชาสัมพันธ์ถึงสมาชิกผ่านสื่อต่างๆ และวารสารประจำเดือนมีนาคมนี้
นอกจากนี้ หอการค้าไทยยังมีศูนย์ปรึกษาการประหยัดพลังงานแบบออนไลน์ให้สมาชิกสามารถสอบถามวิธีการประหยัดพลังงานให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ โดยตั้งเป้าประหยัดการใช้ไฟไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ในช่วงพม่าหยุดจ่ายก๊าซฯ
นายสนั่น ยังกล่าวในฐานะกรรมการบมจ. ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) กล่าวว่า โรงงาน 4 แห่งในจังหวัดนครราชสีมา และฉะเชิงเทรา พร้อมให้ความร่วมมือภาครัฐในการประหยัดพลังงาน โดยนำร่อง 2 โรงงานที่นครราชสีมา และชลบุรี จะหยุดสินค้าในวันจันทร์ ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม-กลางเดือนเมษายน โดยจะไปผลิตในวันอาทิตย์ทดแทน หากได้ผลในการประหยัดจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม วิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสที่รัฐบาลจะส่งเสริมให้เกิดการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย แต่ต้องสร้างความเข้าใจในภาคประชาชนเพื่อลดการต่อต้าน รวมทั้งส่งเสริมพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง
นายสุนทร ทรัพย์เพิ่ม ผู้จัดการอาวุโสแผนกงานระบบ กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลเตรียมมาตรการประหยัดพลังงานในช่วงที่พม่าหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ 5-14 เมษายนนี้ โดยมีมาตรการให้ศูนย์การค้าทั้งหมดปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 26 องศา และปิดป้ายไฟโฆษณาและไฟส่องผนังเร็วขึ้นกว่าเดิม 1 ชั่วโมง คาดว่า ในช่วงวิกฤตจะสามารถประหยัดไฟได้ประมาณร้อยละ 10 จากภาพรวมการใช้ไฟของกลุ่มเซ็นทรัล 160 เมกะวัตต์ต่อปี ทั้งนี้แม้ไม่เกิดวิกฤตไฟฟ้าก็จำเป็นที่ภาคธุรกิจจะต้องประหยัดการใช้ไฟ เพราะเป็นต้นทุนของธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันต้นทุนด้านพลังงานของกลุ่มเซ็นทรัลคิดเป็นร้อยละ 30-40 ของต้นทุนทั้งหมด หากประหยัดได้จะทำให้ธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้น