คณะกรรมการบีโอเจได้ตัดสินใจใช้กรอบการทำงานแบบใหม่สำหรับการซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุการไถ่ถอนนานขึ้น และเพิ่มการซื้อสินทรัพย์ทางการเงินที่มีความเสี่ยง
ทั้งนี้ คณะกรรมการบีโอเจมีมติดังต่อไปนี้
- ให้คำมั่นสัญญาว่า จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ภายในระยะเวลา 2 ปี
- จะเพิ่มการถือครองพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลญี่ปุ่นเป็น 50 ล้านล้านเยนต่อปี เพื่อฉุดอัตราดอกเบี้ยให้ลดลง
- ให้คำมั่นสัญญาว่าจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลทุกประเภท รวมถึงพันธบัตรอายุ 40 ปี
- ขยายโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุการไถ่ถอนในปัจจุบันไม่ถึง 3 ปี เป็น 7 ปี
- จะซื้อกองทุน ETF วงเงิน 1 ล้านล้านเยนต่อปี และซื้อกองทุน REIT วงเงิน 3 หมื่นล้านเยนต่อปี
-- จะใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินรอบใหม่ โดยจะมุ่งเน้นไปที่การรวมโครงการซื้อพันธบัตร 2 โครงการให้อยู่ในโครงการเดียวกัน
- เดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2%
- จะระงับหลักการ "หลักการพันธบัตร (banknote principle)" ซึ่งเคยห้ามไม่ให้บีโอเจถือครองพันธบัตรรัฐบาลมากกว่ามูลค่าของธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบ
- จะกำหนดให้ "ฐานเงิน (monetary base) เป็นเป้าหมายปฏิบัติหลักสำหรับการดำเนินการในตลาดเงิน แทนการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนในปัจจุบัน"
- จะดำเนินการในตลาดการเงินเพื่อหนุนฐานเงินให้เพิ่มขึ้นเป็น 60-70 ล้านล้านเยนต่อปี ทั้งนี้ ฐานเงินคือปริมาณธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชนและธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งเงินฝากที่สถาบันการเงินสำรองไว้กับธนาคารกลาง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน