สำหรับในช่วงวันที่ 5 - 14 เมษายนนี้ ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานา จะหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่ประเทศไทย เพื่อซ่อมบำรุงแท่นผลิตก๊าซที่ทรุดตัว ทำให้มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ใช้ก๊าซฯ โดยเฉพาะภาคการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าฝั่งตะวันตก รวมกาลังการผลิต 6,000 เมกะวัตต์ อีกทั้ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีการคาดการณ์อุณหภูมิของอากาศในเดือนเมษายนสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา มีโอกาสที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของปีนี้จะอยู่ในระดับ 27,000 เมกะวัตต์ ซึ่งส่งผลให้กาลังการผลิตไฟฟ้าสำรองอยู่ในระดับต่ามาก
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันประหยัดไฟฟ้าในครั้งนี้ อย่างเข้มข้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้และเห็นคุณค่าของพลังงานและการประหยัดพลังงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบมจ. ปตท (PTT) เร่งเตรียมความพร้อม และเตรียมแผนสารองการใช้พลังงานในการผลิตไฟฟ้าไว้ให้เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ทุกคนในประเทศมีไฟฟ้าใช้ รวมไปถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และอีกหลายองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ให้ความร่วมมือออกมาตรการให้หน่วยงาน องค์กรของตนเองลดการใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยวิธีต่าง ๆ ในช่วงเวลา 14.00 — 15.00 น. ของวันที่ 5 - 14 เมษายนนี้ อย่างพร้อมเพรียงกัน
ด้านนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทุกภาคได้ช่วยกันลดการใช้ไฟฟ้ามา อย่างต่อเนื่อง และรณรงค์ประหยัดพลังงานอย่างเข้มข้น ในวันที่ 5 เมษายน ช่วงเวลา 14.00 — 15.00 น. ที่เป็นช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak)และต่อเนื่องไปถึงวันที่ 14 เมษายน 2556
สำหรับการประหยัดไฟฟ้า กระทรวงพลังงาน ได้นำเสนอวิธีประหยัดไฟฟ้าอย่างง่ายๆ ทำได้ทันที ด้วย “ปฏิบัติการ 3 ป." ได้แก่ ปิดไฟ - ดวงที่ไม่จำเป็น ปรับแอร์ — ปรับอุณหภูมิแอร์เพิ่มขึ้น 1 องศา ให้อยู่ที่ 26 องศา จะช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ 10 เปอร์เซ็นต์ และปลดปลั๊ก - ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้ โดยตั้งเป้าหมายการจัดกิจกรรม “รวมใจคนไทย สู้วิกฤตไฟฟ้า" ในครั้งนี้จะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 700 เมกะวัตต์
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน จะรณรงค์ให้เกิดกระแสการประหยัดไฟฟ้าอย่างกว้างขวางต่อไป เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน ได้ลดใช้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งหากประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ มีการปฏิบัติตามมาตรการประหยัดพลังงานข้างต้น คาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้รวม 0.50 ล้านหน่วยต่อวัน และช่วยลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 4.40 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน