รมว.พลังงานห่วงสำรองไฟฟ้า 9-10เม.ย.คาดโรงงานเร่งผลิตสินค้าก่อนสงกรานต์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 4, 2013 18:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยาดานาจะหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศไทยเพื่อซ่อมบำรุงแท่นผลิตก๊าซที่ทรุดตัว อาจทำให้ไฟฟ้าภายในประเทศอาจขาดแคลนได้นั้น กระทรวงพลังงานจึงได้ขอความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อร่วมกันประหยัดพลังงาน ซึ่งล่าสุดได้รับความร่วมมือการลดใช้ไฟฟ้าจากภาคอุตสาหกรรมโดยการประสานงานโดยสภาอุตสาหกรรม(สอท.)ประมาณ 807 เมกะวัตต์ และนิคมอุตสาหกรรม 127 เมกะวัตต์ จึงคาดว่ากำลังสำรองไฟฟ้าฉุกเฉินของวันพรุ่งนี้(5 เม.ย.) จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,660 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นห่วงการสำรองไฟฟ้าในวันที่ 9-10 เม.ย. เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนจะกลับมาผลิตเพื่อกักตุนสินค้าในช่วงวันหยุดสงกรานต์จะมีไฟสำรองอยู่ที่ 1,400 เมกะวัตต์ ส่วนการปิดซ่อมบำรุงนั้นบริษัท โทเทิล จำกัด ที่เป็นผู้ดำเนินการแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานา ประเทศพม่า ได้เตรียมความพร้อมในการซ่อมแท่นขุดเจาะกว่า 90% แล้ว และบริษัทฯ ได้ประสานงานเพื่อให้ข้อมูลต่อรัฐบาลอยู่ตลอด ส่วนระยะเวลาการจ่ายก๊าซหลังจากการซ่อมบำรุงนั้นบริษัทยังยืนยันว่าจะส่งก๊าซให้ไทยได้ใน เวลา 14.00 น.ของวันที่ 14 เม.ย.

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะยาวเกี่ยวกับการจัดการไฟฟ้านั้นจะสนับสนุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้าถ่านหินแม้ว่าจะถูกต่อต้านจากในประเทศก็จะย้ายไปตั้งในประเทศเพื่อบ้านแทน ซึ่งแผนดังกล่าวมีความเสี่ยงจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ศึกษารูปแบบการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าในลักษณะที่ตั้งบริษัทให้คำปรึกษาในการประหยัดไฟฟ้าแก่สถานประกอบการ รวมทั้งหาแนวทางการส่งเสริมให้ประชาชนสามารติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคา บ้านและสถานประกอบการ หรือ โซล่ารูฟทอป โดยจะลดขั้นตอนต่างๆ เช่น การขอใบอนุญาต, การติดตั้งและภาษี รวมถึงการขายไฟฟ้าเข้าระบบ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนพ.ค.นี้

ด้านนายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า หากทุกภาคส่วนสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ตามแผน จะช่วยให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในวันที่ 5 เม.ย. ลดลงเหลือ 25,600 เมกะวัตต์ จากเดิมประมาณการณ์ไว้ที่ 26,600 เมกะวัตต์ บนสมมุติฐานว่าสภาพอากาศอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่ 9 เม.ย.มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ 25,250 เมกกะวัตต์ และวันที่ 10 เม.ย.ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ 25,950 เมกกะวัตต์ ได้ประสานไปยัง ส.อ.ท.ให้ช่วยลดการใช้ไฟฟ้า เช่นเดิม ส่วนการประหยัดไฟของภาคประชาชนนั้น หากประชาชนทำตามมาตรการ 3 ป. จะช่วยเพิ่มไฟสำรองได้กว่า 500 เมกะวัตต์ซึ่งจะมาช่วยการใช้ไฟฟ้าในวันที่ 9-10 เม.ย.นี้

สำหรับมาตรการรองรับด้านการผลิตไฟนั้น ได้งดการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าทั้งหมดในช่วงวันที่ 5-14 เม.ย. โดยประสานกับกรมชลประทานขอเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนที่ไม่มีปัญหาเรื่องปริมาณน้ำเพื่อนำมาผลิตไฟฟ้าเพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าโดยไม่กระทบพื้นที่ท้ายน้ำ ประสานงานขอซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก และทดสอบพร้อมทั้งเตรียมความพร้อมโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซล

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการประสานงานเพื่อขอให้โรงงานต่างๆ ประหยัดพลังงานนั้น ได้รับความร่วมมือจากทุกแห่ง ส่วนมากจะใช้วิธีปิดซ่อมบำรุงโรงงานในวันที่ 5 เมษายน ส่วนโรงงานที่เปิดทำการนั้นจะลดการผลิตลงจนถึงเวลา 20.00 น.ของวันที่ 5 เม.ย. ซึ่งถือว่ามากกว่าที่ภาครัฐขอความร่วมมือ

สำหรับแผนระยะยาวนั้น ต้องแก้ไขเรื่องโครงสร้างพลังงาน โดยปัจจุบันประเทศไทยมีอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานมากแต่ให้ประโยชน์ต่อ GDP ต่ำ ปรับปรุงระบบการทำงานให้ใช้พลังงานต่ำหรือเลือกใช้เครื่องจักรให้ถูกวิธี อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.ได้รับการประสานงานให้ประหยัดพลังงานในวันที่ 5 เม.ย.เท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ