ศูนย์วิจัยทองคำ ประเมินราคาทองอยู่ในช่วงขาลงหลังกองทุนฯเทขาย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 5, 2013 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกมลธัญ พรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ประเมินราคาทองคำตลาดโลกปีนี้ช่วง 1,500-1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่ถ้าหลุด 1,500 อาจเห็น 1,450 ดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้หลุดคือการขายของกองทุนทองคำรายใหญ่ หรือ SPDR ที่จะขายออกมาต่อเนื่อง เพื่อนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างตลาดหุ้นเพราะให้ผลตอบแทนที่มากกว่า ประกอบกับอาจมีการขายของกองทุน ETF ทองคำผสมออกมาด้วย โดยตั้งแต่ต้นปีกองทุนขนาดใหญ่ขายทองออกมาแล้ว 144 ตัน จากที่ถือครองอยู่ 1,350 ตัน ทำให้ปัจจุบันเหลือถือครอง 1,206 ตัน ซึ่งการขายทองคำของเฮดจ์ฟันด์รอบนี้ยังประเมินไม่ได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร จึงยังเป็นปัจจัยกดดัน Sentiment เชิงลบของทองคำอยู่

ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 56 หรือไตรมาส 1/56 การลงทุนในทองคำให้ผลตอบแทนติดลบ 4-5% เทียบกับปี 55 ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 7% และคาดว่าถ้าราคาทองหลุดไปที่ 1,450 ดอลลาร์ ผลตอบแทนจะติดลบราว 8-10% แต่หากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์แถว 1,500-1,800 ดอลลาร์ ผลตอบแทนไม่น่าเกิน 10% ในปีนี้

"เฮดจ์ฟันด์ที่ขายทองออกมาส่วนหนึ่งมีแรงจูงใจจากผลตอบแทนในตลาดหุ้นที่มีมากกว่า เพราะปี 55 ผลตอบแทนในทองคำที่ 7% จึงมีการขายทองเพื่อนำเงินบางส่วนไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า และถ้ากองทุนยังขายต่อเนื่อง โอกาสหลุด 1,500 ไปที่ 1,450 ดอลลาร์มี และอาจลงไป 1,400 ต้นๆ"นายกมลธัญ กล่าว

สำหรับราคาทองในประเทศมองปีนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 21,000 บาท

อย่างไรก็ตาม มองว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นแล้ว ดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาทองคำในตลาดโลกจะกลับไปอยู่ที่ 1,100-1,200 ดอลลาร์

กลยุทธ์การลงทุนในทองคำปีนี้ ทองแท่งให้ลดน้ำหนักลงเหลือ 10-15% ของพอร์ตลงทุน จากปีก่อนให้น้ำหนักที่ 20-25% เพราะตลาดทองคำเป็นขาลงชัดเจน ส่วนในสินค้า Gold Futures ตลาดอนุพันธ์ แนะนำเพียงเก็งกำไร

ส่วนปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีไม่ได้ให้น้ำหนักเยอะเพราะไม่น่าจะรุนแรง แต่ถ้ามีการยิงตอบโต้ราคาทองจะขึ้นเพราะสหรัฐต้องใช้งบฯมาก ดอลลาร์ก็จะอ่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ