ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในไตรมาส 1/56 อาจอยู่ในกรอบประมาณ 3.01-3.04% ใกล้เคียงกับระดับ 3.04% ของไตรมาส 4/55 ขณะที่ลดลงเมื่อเทียบกับระดับ 3.06% ของไตรมาส 1/55 เป็นผลมาจากการที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่ 2.75% ตลอดทั้งไตรมาส ทำให้การขับเคลื่อนรายได้ดอกเบี้ยรับต้องอาศัยการปล่อยสินเชื่อเชิงปริมาณเป็นสำคัญ ขณะที่ฝั่งรายจ่ายดอกเบี้ยยังถูกกระทบจากผลพวงการแข่งขันระดมเงินฝาก โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงปลายปี 55 ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษที่ให้ดอกเบี้ยจูงใจ อันมีผลให้ธนาคารพาณิชย์ไทยจำเป็นต้องทยอยรับรู้ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายส่วนเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจนกว่าจะครบกำหนด
ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียม คาดว่าจะยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี แม้อาจชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า ท่ามกลางส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะทรงตัว หรือปรับลดลงเล็กน้อยนั้น แรงผลักดันของผลประกอบการในภาพรวมของไตรมาส 1/56 จึงต้องฝากความหวังไว้กับการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงไตรมาส 1/56 น่าจะขยายตัวได้ประมาณ 13.0-18.0% (YoY) โดยชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวถึง 33.1% (YoY) ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้าอันเนื่องมาจากผลของอุทกภัยในช่วงปลายปี 54
ทั้งนี้ คาดว่าการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาส 1/56 เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็ม อันเนื่องมาจากแรงส่งของการบริโภคภาคเอกชนและเศรษฐกิจที่ยังขับเคลื่อนได้อย่างดีอันเป็นปัจจัยหนุนต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน รวมทั้งค่าธรรมเนียมที่มีรายรับสอดล้อไปกับการขยายตัวของสินเชื่อ อาทิ ค่าธรรมเนียมจากการรับรอง รับอาวัลและค้ำประกัน และค่าธรรมเนียมจัดการ เป็นต้น นอกเหนือไปจากแรงเสริมผ่านค่าธรรมเนียมจากการเสนอขายกองทุนรวมผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์ที่ยังคงรักษาจังหวะการเติบโตได้ดี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปี 56 แนวโน้มธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังคงต้องขึ้นอยู่กับความสามารถในการรักษาอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ อันสอดคล้องไปกับพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศแกนหลักซึ่งยังคงต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในบางจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ยูโรโซนและจีน รวมไปถึงทิศทางค่าเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
ขณะที่ยังคงต้องติดตามประเด็นสำคัญ คือ ประเด็นแรก ได้แก่ แนวโน้มสภาพคล่องที่มีโอกาสทยอยตึงตัวขึ้นจากทั้งความต้องการสินเชื่อจากการใช้จ่ายภายในประเทศและการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะภายใต้โครงการบริหารจัดการน้ำ ทำให้คาดว่าธนาคารพาณิชย์น่าจะทยอยระดมเงินฝากอย่างต่อเนื่อง ประเด็นที่สอง ได้แก่ ประเด็นคุณภาพสินเชื่อ ซึ่งอยู่ในความสนใจของกระแสสังคมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย อย่างไรก็ดี จากแนวทางการดูแลและการบริหารจัดการของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งอย่างใกล้ชิดแล้วนั้น ก็คาดว่าประเด็นด้านคุณภาพสินเชื่อก็น่าจะอยู่ในวิสัยที่ธนาคารพาณิชย์สามารถบริหารจัดการได้