“การลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่นั้น แบงก์ชาติควรคำนึงถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งช่วงเวลานี้คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่แบงก์ชาติควรลดผ่อนปรนนโยบายทางการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยลงมา ซึ่งเปรียบเสมือนการเปิด-ปิดก๊อกน้ำ เพื่อชะลอการไหลของน้ำเพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบเศรษฐกิจและสร้างโอกาสการค้าและการส่งออกให้มีอัตราการขยายตัวที่ดี"นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี กล่าวว่า หากค่าเงินบาทยังแข็งค่าอยู่เช่นนี้ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกของไทยในไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะหดตัวลง หลังจากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์มีมูลค่าส่งออกลดลงเหลือ 529,529.6 ล้านบาท หรือลดลง4.58% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่มีมูลค่าส่งออก 554,934.3ล้านบาท แม้ว่าในเดือนมีนาคม มูลค่าการส่งออกจะเพิ่มสูง แต่กลับพบว่าขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยลดลงจากสินค้าส่งออกของไทยที่มีราคาสูงขึ้น จึงมีความเป็นไปได้สูง ที่มูลค่าการส่งออกในไตรมาส 2 จะหดตัวลงเมื่อเทียบกับภาพรวมส่งออกในไตรมาสแรก
ทั้งนี้ สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถึง 6% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2556 ที่ผ่านมา มีสาเหตุจากกระแสเงินทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความเชื่อมั่นต่อพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยมีทิศทางเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท รวมถึงการปรับเครดิตความน่าเชื่อถือของไทยที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศมีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น