นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สศค. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/56 ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่มีสัญญาณแผ่วลงจากช่วงก่อนหน้า ทั้งจากการใช้จ่ายในประเทศ การส่งออก ด้านการผลิต โดยเฉพ่าภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตร สะท้อนจากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่แม้จะขยายตัว 6.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ชะลอจากไตรมาส 4/55 ที่ขยายตัว 18% ส่วนส่งออกไตรมาส 1/56 ขยายตัวได้เพียง 4.3% ดังนั้นในไตรมาส ที่เหลือของปี มูลค่าการส่งออกจะต้องขยายตัวให้ได้ไตรมาสละ 10% ภายใต้ค่าเงินบาทที่ 29.40 บาท/ดอลลาร์
ในไตรมาส 1/56 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ในอัตรา 6% และทั้งปี สศค.ยังคงเป้าเศรษฐกิจขยายตัวที่ 5.3% โดยปีนี้การใช้นโยบายการคลังการขาดดุลงบประมาณ เพื่อสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมานโยบายการคลังทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพดี
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม คือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ภาวะเงินทุนไหลเข้าจากการใช้มาตรการเพิ่มปริมาณเงินของประเทศต่างๆ รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามเศรษฐกิจทั้งระดับจุลภาคและมหภาค
สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างมากตั้งแต่ไตรมาส 2/56 เพราะส่วนใหญ่ภาคธุรกิจจะมีการวางแผนล่วงหน้าเป็นปี การจัดทำประมาณการเงินบาทคงไม่ได้คาดว่าจะแข็งค่าถึง 28 บาท/ดอลลาร์ ดังนั้น คงถึงเวลาที่ภาคธุรกิจจะต้องมีการรปรับแผน และติดตามการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการแก้ปัญหาค่าเงินบาท