โดยประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจว่าจะมีผลต่อค่าเงินบาทมากในช่วงสัปดาห์นี้ น่าจะมาจากปัจจัยในประเทศมากกว่าปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีว่า ธปท.จะมีการออกมาตรการเพื่อช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทหรือไม่
นักบริหารเงิน คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 29.15-29.30 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เปิดตลาดเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 97.78/79 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3084/3085 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 29.2620 บาท/ดอลลาร์
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ว่าที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสัปดาห์นี้ จะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ด้วยการซื้อพันธบัตร มูลค่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของ GDP ที่แท้จริงประจำไตรมาส 1/56 ขยายตัว 2.5% ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ แม้จะดีกว่าไตรมาส 4/55 ที่ขยายตัวเพียง 0.4%
- ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนเม.ย.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 76.4 หลังจากเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 78.6 ในเดือนมี.ค. ขณะที่ชาวอเมริกันมีมุมมองลบมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ หลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ เผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 1.5% จากเดือนก.พ. สู่ระดับ 105.7 ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ
รัฐบาลใหม่ของอิตาลีได้รับการลงมติไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ หลังจากนายกรัฐมนตรี"เอ็นริโก เลตตา" ให้คำมั่นที่จะผ่อนคลายมาตรการรัดเข็มขัดบางส่วน ซึ่งได้ถ่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยสภาผู้แทนราษฎรของอิตาลี มีมติ 453 ต่อ 153 เสียงในการให้ความไว้วางใจรัฐบาลของนายเลตตาที่เพิ่งจัดตั้งได้เพียง 2 วัน ขณะที่การลงมติไว้วางใจของวุฒิสภาจะมีขึ้นในวันนี้
- นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่ายอดขายสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช่วยหนุนความต้องการพลังงานให้เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 92.43-94.69 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ ปิดที่ 103.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐและยุโรปจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำด้วย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 13.8 ดอลลาร์ หรือ 0.95% ปิดที่ 1,467.4 ดอลลาร์/ออนซ์