ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ พ.ค.อยู่ที่ 45.50 จุด ลดลงจาก 52.84 จุดใน เม.ย.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 8, 2013 13:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยค่าดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ(Gold Price Sentiment Index) ประจำเดือน พ.ค.56 อยู่ที่ 45.50 จุด ปรับตัวลดลงจาก 52.84 จุดในเดือน เม.ย.56 เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นลดลง ขณะที่ผู้ค้าทองคำเชื่อว่าราคาทองคำจะมีการฟื้นตัวโดยมีปัจจัยจากเรื่องค่าเงินบาท วิกฤตหนี้ยุโรป การเก็งกำไร และค่าเงินดอลลาร์ ที่ส่งผลต่อสถานการณ์ราคาทองคำในช่วงเดือน พ.ค.นี้

ส่วนความเชื่อมั่นในอีกสามเดือนข้างหน้า ทั้งกลุ่มนักลงทุนและกลุ่มผู้ค้าทองคำยังคงมีทัศนคติมุมมองเชิงบวก แต่ลดลงจากเดือน เม.ย.56 โดยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในช่วงสามเดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงมาที่ 56.72 จาก 65.06 ในเดือน เม.ย.56 สะท้อนมุมมองของผู้ลงทุนและผู้ค้าทองคำ ยังเชื่อมั่นว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เกิดความไม่แน่ใจในการปรับขึ้นของราคาทองคำในประเทศ โดยความเชื่อมั่นมีแนวดน้มลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองแล้ว เนื่องจากปัจจัยสำคัญ คือ การเก็งกำไร ค่าเงินบาท และวิกฤตหนี้ยุโรป

ขณะที่นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิตร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ผู้ค้าทองคำในตลาดโลกโดยรวมน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบราคาทองคำในประเทศอยู่ที่บาทละ 18,900-21,900 ทั้งนี้ ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับเดือน เม.ย.56

"เงินบาทที่แข็งค่า ความต้องการทองคำในเอเชียที่สูง และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของอียูจะทำให้ราคาทองคำในเดือนนี้ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า การยกเลิกมาตรการคิวอีของสหรัฐที่คาดว่าจะจบในปีนี้ และการขยายต่อเนื่องของกองทุนขนาดใหญ่ที่จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง" นายกมลธัญ กล่าว

นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในเดือน พ.ค.56 มาจากปัจจัยบวกจากกลุ่มผู้ค้าเชื่อว่าจะมีความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นในระยะสั้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในช่วงเดือนนี้ และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของยุโรป หลังธนาคารกลางยุโรป(ECB)ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ทำให้ความกังวลด้านเงินเฟ้อและการเข้าซื้อเก็งกำไรทองคำมีเพิ่มขึ้นมากขึ้น แต่เชื่อว่าประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้นเท่านั้น ส่วนในระยะยาวจะทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะเป็นผลกระทบต่อราคาทองคำ

ด้านปัจจัยเชิงลบมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มกลับมาแข็งค่าอีกครั้งเมื่อเทียบสกุลเงินหลักหลังจากมีดำเนินนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) และ ECB, การคาดการณ์ว่ามาตรการเพิ่มสภาพคล่อง(QE)ของธนาคารกลางสหรัฐอาจสิ้นสุดเร็วขึ้น หลังมีการรายงานตัวเลขด้านการจ้างงานออกมาเชิงบวก และการขายทองคำต่อเนื่องของกองทุนขนาดใหญ่ อย่าง SPDR ที่มีการขายออกกว่า 20% ตั้งแต่ช่วงต้นปีและเชื่อว่าหลังจากที่ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาก กองทุน SPDR น่าจะขายทองคำออกมาต่อเนื่อง

"แนะนำว่าการลงทุนในระยะนี้ควรให้ลดสัดส่วนการลงทุนในทองคำให้เหลือประมาณ 10-15% จากเดิมที่ลงทุน 45-50% รวมทั้งปรับเป็นการลงทุนระยะสั้น และป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนช่วงนี้" นายกมละญ กล่าว

ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงนี้จนถึงสิ้นปีราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,450-1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่มีสถานการณ์รุนแรง เช่น ภาวะสงครามในคาบสมุทรเกาหลี หรือ ซีเรีย และการผ่อนคลายนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องจนกระทบต่อประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ รวมถึงสงครามค่าเงินบาท ที่มองว่าหากเงินบาทลงไปแตะอยู่ที่ 28.00 บาท/ดอลลาร์ ราคาทองคำอาจจะอยู่ที่บาทละ 17,000 บาท และหากอยู่ที่ 29.00 บาท/ดอลลาร์ ราคาทองคำจะอยู่ที่บาทละ 19,500-20,500


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ