สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนเม.ย.56 ปรับตัวลดลง มาจากผู้ประกอบการกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาท และเป็นการแข็งค่ากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน ทำให้การรับคำสั่งซื้อในช่วงนี้เป็นด้วยความยากลำบาก
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่า แทนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนที่เป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำในประเทศ ขณะที่ภาครัฐยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม
ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.1 ลดลงจากระดับ 99.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งค่าดัชนีที่ลดลงเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม, ยอดขายโดยรวม, ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
ทั้งนี้สภาวะแวดล้อมในการดำเนินกิจการ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนเม.ย. พบว่า ผู้ประกอบการมีความกังวลในประเด็นผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนมากที่สุด รองลงมา คือ สภาวะเศรษฐกิจโลก, ราคาน้ำมัน, สถานการณ์การเมืองในประเทศ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นในปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยน, สภาวะเศรษฐกิจโลก และการเมืองภายในประเทศ
สำหรับข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนเม.ย.นี้ คือ ขอให้ภาครัฐเข้ามาดูแลค่าเงินบาทไม่ให้มีการแข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค โดยเฉพาะค่าเงินของประเทศคู่แข่งกับประเทศไทย จัดให้มีการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เข้ามาช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ด้วย