จากนั้นจะส่งข้อมูลให้คณะรัฐมนตรีในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นำไปหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อลดผลกระทบให้เอสเอ็มอี โดยระยะสั้นจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีมาตรการป้องกันความเสี่ยง โดยใช้เครื่องมือทางการเงิน ให้ความรู้ในการลดต้นทุนการผลิต กระจายความเสี่ยงโดยขยายตลาดออกไปในประเทศเพื่อนบ้าน ควบคุมการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างประเทศ
ส่วนในระยะกลาง และระยะยาว จะสอดคล้องกับข้อเสนอของภาคเอกชน คือใช้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ด้วยการนำเข้าเครื่องจักรใหม่ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น /การช่วยเหลือตามโครงการแมชชีน ฟันด์ โดยสนับสนุนดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 5 เป็นเวลา 5 ปี วงเงิน 25 ล้านบาทต่อราย จัดโครงการพี่เลี้ยงที่ปรึกษาให้เอสเอ็มอี ส่งเสริมความรู้ด้านการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศที่ทันสมัย ส่งเสริมการลงทุนในอาเซียน พัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนานวัตกรรม ปรับรุงคุณภาพสินค้า และผลักดันให้มีการใช้เงินบาท เป็นเงินสกุลหลักในการซื้อขายสินค้าในอาเซียนในอนาคต