สภาพัฒน์ แนะใช้นโยบายการเงินดูแลบาทช่วงศก.โลกฟื้นช้า มองลดดบ.0.25% น้อยไป

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 20, 2013 11:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวว่า การบริหารนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จะต้องดูแลเรื่องการดำเนินนโยบายทางการเงินให้สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นการชะลอตัวลง โดยเฉพาะการดูแลในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวได้เร็วอย่างที่คาดการณ์ไว้

ผลจากเงินบาทปรับตัวแข็งต่อเนื่องพบว่า ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 55 จนถึงไตรมาสแรกของปี 56 มีเงินทุนต่างประเทศเคลื่อนย้ายเข้ามาในปริมาณที่สูงกว่าปกติ เฉลี่ยไตรมาสละ 4,500 ล้านดอลลาร์ จากสถิติข้อมูลเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ไตรมาสละ 2,200 ล้านดอลลาร์ โดยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร เพื่อทำกำไรจากส่วนต่าง จากเดิมที่เป็นการเข้ามาลงทุนในเรื่องการก่อสร้างที่ส่งผลดีต่อการจ้สงงานในประเทศ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาแนวทางการดูแลให้รอบคอบ

ดังนั้น การดำเนินนโยบายด้านการเงินและนโยบายด้านการคลังควรต้องดำเนินการควบคู่กันไป แต่การใช้นโยบายการเงินจะช่วยให้ได้ผลดี รวดเร็ว และคล่องตัวมากกว่านโยบายการคลัง

"การลดดอกเบี้ยควรทำให้มี impact ถ้าลดน้อยไปก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร"นายอาคม กล่าว

เลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจัยเรื่องเสถียรภาพราคาและเสถียรภาพเงินเฟ้อน่าจะเป็นประเด็นรองที่จะนำมาใช้ในการพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะนี้ควรคำนึงถึงเรื่องผลกระทบจากสงครามค่าเงินที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยมากกว่า

"อย่างน้อยเราต้องแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยไม่ใช่หมูที่ใครจะเข้ามาเพื่อฉวยโอกาส แต่ถ้าเรานิ่งเฉยนานๆ นี่ก็หมูแน่นอน"นายอาคม กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ