สำหรับเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรก ปี 56 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ประกาศล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 5.3 นั้น ทำให้มองว่ากรอบประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 56 ที่ร้อยละ 4.3-5.3 (ค่ากลางกรณีพื้นฐานที่ร้อยละ 4.8) ยังคงสมเหตุสมผล ภายใต้สมมติฐานในกรณีพื้นฐานที่ราคาน้ำมันดิบดูไบอาจเฉลี่ยประมาณ 106 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่เศรษฐกิจแกนหลักของโลก(ยกเว้น ยูโรโซน) น่าจะสามารถประคองทิศทางการขยายตัวไว้ได้ แม้ว่าข้อจำกัดทางด้านการคลังอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ก็ตาม
อย่างไรก็ดี บรรยากาศการใช้จ่ายในประเทศที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากระดับค่าครองชีพที่ยังไม่เร่งตัวขึ้นมากตามที่ประเมินไว้ในช่วงก่อนหน้า ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับเพิ่มกรอบคาดการณ์อัตราการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนมาที่ร้อยละ 3.1-3.8 จากกรอบประมาณการเดิมที่ร้อยละ 2.8-3.6
ทั้งนี้ หากสภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจในต่างประเทศทยอยมีสัญญาณดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2556 ขณะที่เงินบาทและอัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวในกรอบที่มีเสถียรภาพ และการเบิกจ่ายงบประมาณมีความคืบหน้าตามเป้าหมายของรัฐบาลแล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่โมเมนตัมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยน่าจะทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสข้างหน้า หลังจากที่หดตัวลงไปแล้วในช่วงไตรมาสแรกของปี
"คงต้องยอมรับว่า ปัจจัยเรื่องฐานการคำนวณเปรียบเทียบ และการทยอยหมดผลของมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ (รถคันแรก และบ้านหลังแรก) คงทำให้เศรษฐกิจไทยต้องรับมือกับบททดสอบสำคัญในการประคองทิศทางการขยายตัว YoY ในช่วงที่เหลือของปี 2556 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแรงขับเคลื่อนด้านการส่งออก และการใช้จ่ายเม็ดเงินของภาครัฐผ่านแผนการลงทุนในโครงการพิเศษอื่นๆ (การบริหารจัดการระบบน้ำ และโครงสร้างพื้นฐาน)นั้น ค่อนข้างอ่อนไหวต่อหลายเงื่อนไขที่ต้องประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และกระบวนการเร่งผลักดันให้เม็ดเงินลงทุนนอกงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ" เอกสารเผยแพร่ระบุ
สำหรับประเด็นด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น โมเมนตัมที่แผ่วตัวลงของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 1/56 และอาจต่อเนื่องมาในช่วงต้นไตรมาส 2/56 ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าแนวโน้มที่เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2556 อาจขยายตัวต่ำกว่าระดับร้อยละ 5.0 ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผ่อนคลายของเงินเฟ้อ อาจกลายเป็นตัวแปรที่มีน้ำหนักมากขึ้นต่อการพิจารณาจุดยืนเชิงนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในการประชุมรอบปกติในวันที่ 29 พ.ค.56