อนึ่ง สำหรับ 13 กลุ่มเจรจา ประกอบด้วย 1.การค้าสินค้า 2.กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 3.พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 4.มาตรการเยียวยาทางการค้า 5.อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า 6.มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 7.การค้าบริการ 8.การลงทุน 9.การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 10.ทรัพย์สินทางปัญญา 11.การแข่งขัน 12.การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน 13.การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐ
นายโอฬาร กล่าวว่า การทำ FTA กับ EU ถือเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยให้อยู่ในระดับ "World Class" อีกทั้งยังจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและขยายตลาดการค้าการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ และขยายการค้าการลงทุนไปยังอียู ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และรักษาระดับและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางการค้ากับประเทศคู่ค้าอื่นๆ โดยไม่ต้องพึ่งพิงสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(GSP) ของสหภาพยุโรป ซึ่งไทยจะถูกตัดสิทธิทั้งหมดในวันที่ 1 มกราคม 2558
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคณะเจรจาฯ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และทีมเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป ได้แก่ คณะกรรมาธิการยุโรป ได้ให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน จึงได้จัดประชุมหารืออย่างต่อเนื่องกับทุกๆฝ่ายในการจัดเตรียมท่าทีการเจรจาของฝ่ายไทย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ตั้ง "คณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อแก้ไขประเด็นอ่อนไหว/ปัญหาอุปสรรคในการเจรจาความตกลงการค้าเสรี" เพื่อมาเสริมข้อมูลและข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ให้คณะเจรจาฯด้วย
อย่างไรก็ดี หลังการเจรจาแต่ละรอบจะนำผลเจรจามาหารือร่วมกับคณะทำงานฯ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงมั่นใจว่าการเจรจาFTA ไทย-EU จะดำเนินไปด้วยความราบรื่น และก่อประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่าย รวมทั้งสามารถบรรลุเป้าหมายของทั้งสองฝ่ายที่จะเจรจาให้เสร็จสิ้นภายในปี 2557