พร้อมกันนี้ ยังมั่นใจว่าจะนำเงินจากการขายข้าวส่งคืนกระทรวงการคลังได้ตามเป้าหมาย และมีเงินเพียงพอใช้ในโครงการรับจำนำข้าวในปีหน้า โดยไม่ต้องขอกู้เพิ่มอีก ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะเสนอกรอบการรับจำนำข้าวรอบใหม่เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) เร็วๆ นี้ โดยยังคงราคารับจำนำเท่าเดิมที่ตันละ 15,000-20,000 บาท
นายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทย(ทีทีอาร์) กล่าวถึงยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวต่างประเทศของไทยว่า ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1.การผลักดันการส่งออกข้าวในเชิงมูลค่าแทนการส่งออกในเชิงปริมาณ และการส่งออกแบบจีทูจี 2.การพัฒนาภาพลักษณ์ข้าวไทยและส่งเสริมคุณภาพมาตรฐานข้าว เช่น ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 3.การพัฒนาตลาดพิเศษใหม่ๆ โดยเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง เช่น ข้าวหอมมะลิอินทรีย์, ข้าวกล้องงอก, ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ และ 4.การแสวงหาความร่วมมือในระดับภูมิภาค เช่น ความร่วมมือค้าข้าว 5 ประเทศ ระหว่างไทย, ลาว, กัมพูชา, พม่า และเวียดนาม เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาข้าวโลก
ด้านนายกาน จันเมตา รมช.พาณิชย์ ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ขณะนี้กัมพูชาผลิตข้าวได้เกินความต้องการบริโภคในประเทศ 4 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 2 ล้านตันข้าวสาร จึงมีแผนผลักดันการส่งออกข้าวสารเพิ่มจากปัจจุบัน 40,000-50,000 ตัน ให้ถึง 1 ล้านตันในปี 58 และตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 10 ล้านตันในปี 63 โดยรัฐบาลมีแผนส่งเสริมการเพิ่มผลผลิต และดึงการลงทุนจากต่างชาติ และขณะนี้กัมพูชาได้ลงนามขายข้าวให้อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ไปแล้วประเทศละ 100 ตัน/ปี
นายปวินต์ ซาน รมช.พาณิชย์ ประเทศพม่า กล่าวว่า สนับสนุนการจัดตั้งสมาพันธ์ข้าวอาเซียน โดยนโยบายข้าวของรัฐบาลพม่าจะเน้นเพิ่มพื้นที่ผลิต และเปิดโอกาสการลงทุนจากต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนภาคเกษตรในพม่า เพื่อเพิ่มการส่งออก ซึ่งมีเป้าหมายผลักดันการส่งออกข้าวสารในปี 63 ให้ได้ถึง 4.5 ล้านตัน ขณะที่ในช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ มีปริมาณส่งออกสูงสุดในรอบ 10 ปี ที่ 1.5 ล้านตัน