(เพิ่มเติม) เงินบาทเปิดตลาด 30.11/13 แข็งค่าตามภูมิภาคหลังตัวเลข ศก.สหรัฐยังแย่

"เงินบาทขยับแข็งค่าตามภูมิภาค หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศออกมาเมื่อคืนนี้ไม่ค่อยดี แต่ค่อยขยับอ่อนค่ามาอยู่ใกล้ระดับปิดตลาดวานนี้" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 30.10-30.20 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุด SPOT อยู่ที่ระดับ 30.1840 บาท/ดอลลาร์ ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ 2.34376%

*ปัจจัยสำคัญ

• เงินเยนอยู่ที่ระดับ 100.96 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 100.85/86 เยน/ดอลลาร์
• เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3043 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2984/2986 ดอลลาร์/ยูโร
• อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 30.1850 บาท/ดอลลาร์
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ที่แท้จริงประจำไตรมาส 1/56 ขยายตัว 2.4% ลดลงจากที่ประมาณการไว้ครั้งแรกว่าจะขยายตัว 2.5% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลกลาง ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 พ.ค.56 เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 354,000 ราย ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 340,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานติดต่อกันโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 6,750 ราย แตะที่ 347,250 จุด
• สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับยูโร หลังจากสหรัฐรายงานว่าเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่ช้าลงในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีก
• สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ(NAR) เผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย(pending home sales) ประจำเดือน เม.ย.56 เพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ 106.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.53
• ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอีก หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
• รัฐบาลญี่ปุ่น เผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดในเดือน เม.ย.56 ปรับตัวลดลง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 แสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นยังไม่หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดที่ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 10 ปี
• กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.56 ขยายตัว 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ทำสถิติขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนได้กระตุ้นการส่งออกของกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการขนส่ง
• กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่น เผยอัตราว่างงานของญี่ปุ่นยังคงค่อนข้างต่ำ โดยทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือน เม.ย.56 บ่งชี้ว่าบริษัทบางส่วนเริ่มต้องการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นจากความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว โดยจำนวนผู้ว่างงานลดลง 240,000 คนจากปีก่อน สู่ระดับ 2.91 ล้านคน ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 370,000 คน แตะที่ 63.12 ล้านคน
• สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เผยราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงขยับขึ้น 77 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 13,180 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง หรือเทียบเท่ากับ 1,425.71 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 8.32 ดอลลาร์สหรัฐ
• หอการค้าอังกฤษ(BCC) ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษ ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 ปีนับแต่วิกฤตการเงินได้เริ่มปะทุขึ้นในปี 51 และเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัว โดยคาดว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะขยายตัว 0.9% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 0.6% ที่คาดไว้ในเดือน มี.ค.56 และยังปรับเพิ่มคาดการณ์เติบโตของ GDP ในปี 57 สู่ระดับ 1.9% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.7% ส่วนปี 58 ปรับเพิ่มเป็น 2.5% จากเดิมคาดไว้ที่ 2.2%
• นายฮิโรชิ นากาโสะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เผยมีเป้าหมายที่จะควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ดีดตัวขึ้น รวมทั้งความผันผวนในตลาดพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น ด้วยการเพิ่มความถี่ในการซื้อพันธบัตรรัฐบาล 8 ครั้งต่อเดือน มาเป็น 8-10 ครั้งต่อเดือน เมื่อมีการปรับลดปริมาณการซื้อพันธบัตรในแต่ละครั้ง
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้ เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นในเดือนที่ผ่านมา หลังรัฐบาลดำเนินการตามแผนงบประมาณในเรื่องต้นทุนทางสังคมและการบริหารราชการ โดยผลผลิตในทุกอุตสาหกรรมรวมถึงภาคการผลิต บริการ ก่อสร้าง และราชการ ขยายตัว 1.6% ในเดือน เม.ย.56 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หลังจากลดลง 1.8% ในเดือน มี.ค.56 และเมื่อเปรียบเทียบเป็นรายปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือน เม.ย.ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
• สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ปรับตัวลดลง 7 เซนต์ แตะที่ 93.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ(EIA) เผยสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาด โดยสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 พ.ค.56 เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล ปิดที่ 397.6 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 120.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินดิ่งลง 1.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 219.2 ล้านบาร์เรล